
25 ก.ค.2568 - รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ ว่าด้วยกลไกอาเซียนในการระงับข้อพิพาทกรณีกัมพูชารุกรานอธิปไตยประเทศไทย มีเนื้่อหาดังนี้
.
แนวทางการระงับข้อพิพาทของสมาชิกอาเซียน
อาเซียนมีกลไกและแนวทางหลายประการในการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิก โดยเน้นหลักการปรึกษาหารือ ความร่วมมือ และการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความสัมพันธ์อันดีในภูมิภาคเป็นสำคัญ กลไกหลักๆ มีดังนี้:
.
1. สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia - TAC)
TAC เป็นรากฐานสำคัญของกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน ซึ่งกำหนดหลักการพื้นฐานที่ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตาม ได้แก่:
* การเคารพอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกราช: ประเทศสมาชิกต้องเคารพสิทธิและอธิปไตยของกันและกัน
* การไม่แทรกแซงกิจการภายใน: งดเว้นจากการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิกอื่น
* การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี: ส่งเสริมการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา การไกล่เกลี่ย หรือวิธีการสันติวิธีอื่นๆ
* การปฏิเสธการใช้กำลังหรือการคุกคามด้วยกำลัง: ห้ามการใช้กำลังหรือการข่มขู่ว่าจะใช้กำลังในการแก้ไขข้อพิพาท
* ความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ: สนับสนุนความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
TAC ยังได้จัดตั้ง คณะกรรมาธิการระดับสูง (High Council) ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศภาคี เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมวัตถุประสงค์และหลักการของสนธิสัญญา และพิจารณาหาแนวทางแก้ไขข้อพิพาทในกรณีที่ประเทศคู่กรณีร้องขอ
.
2. ASEAN Way
"กระบวนการอาเซียน" เป็นแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ในการแก้ไขปัญหาของอาเซียน ซึ่งเน้น:
* การปรึกษาหารือ (Consultation): การพบปะหารือกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา
* ฉันทามติ (Consensus): การตัดสินใจโดยความเห็นชอบร่วมกันของทุกฝ่าย แทนการโหวต
* การไม่เผชิญหน้า (Non-confrontational): หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง และพยายามหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
* การให้เกียรติซึ่งกันและกัน (Mutual Respect): การเคารพในความคิดเห็นและความแตกต่างของประเทศสมาชิก
กระบวนการอาเซียนนี้มักใช้ผ่านการประชุมในระดับต่างๆ เช่น การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit), การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting - AMM) และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Officials' Meeting - SOM)
.
3. กลไกเฉพาะด้าน
นอกเหนือจาก TAC และกระบวนการอาเซียนแล้ว อาเซียนยังมีกลไกเฉพาะด้านสำหรับข้อพิพาทบางประเภท เช่น:
* กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter): เป็นกฎบัตรที่ให้กรอบทางกฎหมายแก่องค์กรอาเซียน รวมถึงกลไกการแก้ไขข้อพิพาทที่ครอบคลุมมากขึ้น และเพิ่มความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามพันธกรณี
* กลไกแก้ไขข้อพิพาททางเศรษฐกิจ (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism): สำหรับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงและพันธกรณีทางเศรษฐกิจ เช่น การค้า การลงทุน โดยมีกระบวนการที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงการปรึกษาหารือ การไกล่เกลี่ย และการจัดตั้งคณะผู้พิจารณา (Panel)
* การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ASEAN Defence Ministers' Meeting - ADMM) และ ADMM-Plus: สำหรับการหารือและสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ เพื่อลดความขัดแย้งและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
.
กลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความร่วมมือ และการปรึกษาหารือ เพื่อรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเป็นสำคัญ
.
ในกรณีที่กัมพูชารุกรานอธิปไตยของไทย กลไกของอาเซียนจะเน้นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี โดยมีขั้นตอนและแนวทางที่สามารถนำมาใช้ได้ดังนี้:
.
1. การปรึกษาหารือและเจรจาทวิภาคี (Bilateral Consultations and Negotiations)
สิ่งแรกที่อาเซียนจะสนับสนุนคือการที่ไทยและกัมพูชาจะ เปิดการเจรจาระหว่างกันโดยตรง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส รัฐมนตรีต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งผู้นำรัฐบาล การเจรจาตรงนี้มีเป้าหมายเพื่อ:
* ลดความตึงเครียด: บรรยากาศของการพูดคุยสามารถช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้
* ทำความเข้าใจสถานการณ์: ทั้งสองฝ่ายจะได้ชี้แจงมุมมองและข้อเท็จจริง
* หาทางออกร่วมกัน: พยายามหาข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ เช่น การถอนกำลัง การกำหนดเขตแดนชั่วคราว หรือการตั้งคณะกรรมการร่วม
.
2. การไกล่เกลี่ยและการอำนวยความสะดวกโดยอาเซียน (Mediation and Facilitation by ASEAN)
หากการเจรจาทวิภาคีไม่ประสบผล อาเซียนสามารถเข้ามามีบทบาทในฐานะ คนกลาง (Mediator) หรือ ผู้ประสานงาน (Facilitator) ได้ โดยมีแนวทางดังนี้:
* ประธานอาเซียน (ASEAN Chair): ประธานอาเซียนในขณะนั้น (ซึ่งเปลี่ยนหมุนเวียนกันทุกปี) มักมีบทบาทสำคัญในการริเริ่มการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการ หรือเสนอตัวเป็นคนกลางเพื่อช่วยให้คู่กรณีกลับมาเจรจากัน
* เลขาธิการอาเซียน (Secretary-General of ASEAN): เลขาธิการอาเซียนก็สามารถมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศคู่กรณี
* คณะกรรมาธิการระดับสูง (High Council) ภายใต้ TAC: ตาม สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) หากประเทศคู่กรณีร้องขอ คณะกรรมาธิการระดับสูงซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศภาคีสามารถประชุมเพื่อพิจารณาสถานการณ์และเสนอแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อ "ส่งเสริมวัตถุประสงค์และหลักการของสนธิสัญญา" และ "อำนวยความสะดวกในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี"
* การประชุมฉุกเฉิน: อาเซียนอาจจัดประชุมพิเศษในระดับต่างๆ เช่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (AMM) หรือการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์และหาทางออกร่วมกัน
.
3. การใช้หลักการ "ASEAN Way“
ตลอดกระบวนการ "กระบวนการอาเซียน" จะถูกนำมาใช้เป็นแนวทางสำคัญ โดยเน้น:
* ฉันทามติ (Consensus): การตัดสินใจหรือข้อเสนอแนะต่างๆ จะเน้นความเห็นชอบร่วมกันของทุกประเทศสมาชิก
* การไม่แทรกแซงกิจการภายใน (Non-interference): แม้จะมีการสนับสนุนให้แก้ไขข้อพิพาท แต่ก็เคารพในอธิปไตยของประเทศสมาชิก และจะไม่บีบบังคับ แต่จะใช้การโน้มน้าวและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหา
* การไม่เผชิญหน้า (Non-confrontational): หลีกเลี่ยงการประณามหรือการดำเนินการที่อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง แต่จะเน้นการประนีประนอมและการสร้างความเข้าใจ
ข้อจำกัดของกลไกอาเซียนในทางปฏิบัติ
แม้จะมีกลไกเหล่านี้ แต่สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ กลไกของอาเซียนไม่มีอำนาจบังคับ (Enforcement Power) โดยตรงเหมือนกับศาลระหว่างประเทศหรือองค์กรที่มีอำนาจเหนือรัฐสมาชิก การแก้ไขข้อพิพาทจะขึ้นอยู่กับ:
* ความเต็มใจของประเทศคู่กรณี: ทั้งไทยและกัมพูชาต้องเต็มใจที่จะใช้กลไกของอาเซียนและปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้จากการไกล่เกลี่ย
* บทบาทของประเทศสมาชิกอื่นๆ: ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ จะมีบทบาทในการสร้างแรงกดดันทางศีลธรรมและการทูต เพื่อกระตุ้นให้คู่กรณีแก้ไขปัญหาอย่างสันติ
.
โดยสรุปแล้ว ในกรณีที่กัมพูชารุกรานอธิปไตยของไทย อาเซียนจะทำหน้าที่เป็นเวทีและผู้สนับสนุนกระบวนการสันติวิธี โดยเน้นการเจรจา การไกล่เกลี่ย และการสร้างความเข้าใจระหว่างประเทศคู่กรณีเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
.
ขอส่งกำลังใจให้กองทัพไทยและประชาชนไทย เขมร
พวกเราไม่เคยขัดแย้งกัน
.
ขอประณาม 2 ครอบครัวที่สร้างความบรรลัยจักรให้ 2 ประเทศ
.
For Thai & Khmerpeople, Be Strong!
We never had conflicts among us.
For Thai Military, We Support You!
I condemn only the 2 families who create conflicts between the 2 countries
.
#กัมพูชายิงก่อน #CambodiaFiredFirst
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ThailandLovesPeaceButDoesNotFearWar #CambodiaOpenedFire
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.ปิติ' ชง 10 ประเด็น จุดยืนไทย ให้นายกฯ ไปพูดในเวทีประชาคมนานาชาติ
รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ 10 ประเด็นจุดยืนไทยในเวทีประชาคมนานาชาติ มีเนื้อหาดังนี้
'ดร.ปิติ' เตือนอย่านิ่งนอนใจ อัตราภาษี 19% แนะ 4 ข้อ รับมือระยะยาว
รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ว่าด้วยสงครามการค้า ณ 1 สิงหาคม 2025 มีเนื้อหาดังนี้
'ดร.ปิติ' ทนฟังไม่ไหว! ยกพุทธศาสนสุภาษิต คนโกหกที่ไม่ทำชั่วนั้น ไม่มี
รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หลังฟัง 2 talks
'ดร.ปิติ' ฟาด 'ทรัมป์' ไม่มีความจริงใจ มีเป้าหมายแอบแฝง แนะไทยแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่
รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ว่าด้วย #สงครามการค้า สหรัฐอเมริกา มีเนื้อหาดังนี้
'ดร.ปิติ' กระตุกรัฐบาล 10 ข้อ เหตุเกิดที่ 'สามเหลี่ยมมรกต' นายกฯห้ามหนีปัญหา
รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ เหตุเกิดที่ #สามเหลี่ยมมรกต ว่า
'นักเศรษฐศาสตร์' จี้ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ กล้าหาญเล่นบทบาทนำในอาเซียน สู้ศึกกีดกันการค้า
รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% (ล่าสุดปรับอีกครั้งเป็น 37%) หนึ่งในทางออกคือ


