กสม.ตรวจสอบโครงการแลนด์บริดจ์ จ.ชุมพร-ระนอง ชี้ขาดความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ประชาชนสับสนไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน แนะชะลอโครงการจนกว่าจะจัดให้มีการรับฟังความเห็นในภาพรวมอย่างรอบด้าน
28 ส.ค.2568 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายเกษตรกรอำเภอหลังสวน เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ และประชาชนหลายราย ระบุว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ “โครงการแลนด์บริดจ์” จังหวัดชุมพร-ระนอง เป็นการดำเนินการที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ทราบข้อมูลชัดเจน ไม่มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ มีความสับสนว่าโครงการฯ ประกอบด้วยรายละเอียด ขั้นตอน และแผนการดำเนินการอย่างไร ทั้งยังมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการตั้งเขตอุตสาหกรรมรวมถึงการใช้ไฟฟ้าและน้ำจืดซึ่งอาจต้องสร้างโรงไฟฟ้าและเขื่อนกักเก็บน้ำ จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วปรากฏข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (ผู้ถูกร้องที่ 1)ได้ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุนของโครงการแลนด์บริดจ์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยกำหนดให้ที่ตั้งท่าเรืออยู่บริเวณแหลมริ่ว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกรอบแนวคิดการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่เชื่อมโยงระหว่างท่าเรือทั้งสองฝั่ง และกรมทางหลวง (ผู้ถูกร้องที่ 3) ได้ดำเนินโครงการแผนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ยังมีโครงการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระนองและจังหวัดชุมพรด้วย จึงอาจสรุปได้ว่า โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ประกอบไปด้วยท่าเรือ ทางรถไฟรางคู่ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โดยมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในพื้นที่
กสม. เห็นว่า กรณีตามคำร้องมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็น ประเด็นแรกโครงการแลนด์บริดจ์ จังหวัดชุมพร-ระนอง กระทบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ร้องหรือประชาชนหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้โครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นโครงการโลจิสติกส์ที่มีเป้าหมายให้เป็นทางเลือกใหม่ในการขนส่งสินค้าจากฝั่งมหาสมุทรอินเดียโดยไม่ผ่านช่องแคบมะละกา และสนับสนุนการพัฒนาภาคใต้ภายใต้กรอบแนวคิด SEC แต่จากการศึกษาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และผู้ถูกร้องที่ 1 รวมถึงความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและพยานบุคคลพบว่า การขนส่งผ่านโครงการแลนด์บริดจ์ไม่สามารถย่นหรือประหยัดเวลาได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังมีค่าขนส่งสูงกว่า จึงไม่อาจแข่งขันกับท่าเรือสิงคโปร์ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือเดิมและลงทุนขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่องได้ อีกทั้งไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์เนื่องจากรายได้จากการให้บริการขนส่งตู้สินค้าไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและการบำรุงรักษา ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากเป้าหมายอีกประการหนึ่งของโครงการในการสนับสนุนการพัฒนา SEC ก็ปรากฏว่า โครงการแลนด์บริดจ์สามารถสนับสนุนสินค้าภายใต้ SEC ได้เพียงร้อยละ 18
นอกจากประเด็นความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจแล้ว โครงการแลนด์บริดจ์ยังจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน พื้นที่ชุ่มน้ำ ตลอดจนอาจกระทบต่อคุณค่าโดดเด่นของแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอเป็นแหล่งมรดกโลก นอกจากนี้ โครงการยังจะกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจของจังหวัดระนองและชุมพรที่มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจากภาคเกษตรและการประมง กระทบต่อรายได้ของเกษตรกรจากการสูญเสียที่ดินทำกิน ที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ และแหล่งทำการประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลที่ทำประมงแบบดั้งเดิม การดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์จึงไม่สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ระดับพื้นที่จังหวัดระนองและชุมพรที่เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการเกษตรมูลค่าสูง ทั้งยังเป็นการดำเนินโครงการที่ไม่นำผลการศึกษาของ สศช. ซึ่งได้ข้อสรุปแล้วว่า โครงการแลนด์บริดจ์ไม่มีความเหมาะสมและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งไม่สามารถสนับสนุน SEC มาประกอบการพิจารณา ประเด็นนี้จึงรับฟังได้ว่า โครงการแลนด์บริดจ์สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ประเด็นที่สอง กรณีการรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ จังหวัดชุมพร-ระนอง ของผู้ถูกร้องทั้งสาม ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมทางหลวง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนหรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้ถูกร้องทั้งสามจะจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EHIA) ของโครงการท่าเรือ จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการทางรถไฟรางคู่ และโครงการทางหลวงพิเศษสายชุมพร-ระนอง ตามประกาศและแนวทางของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่การศึกษาผลกระทบรายโครงการแยกกันในลักษณะดังกล่าว ทำให้ประชาชนไม่สามารถมองเห็นภาพรวมผลกระทบทุกโครงการเชิงระบบและความเชื่อมโยงระหว่างโครงการต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน สร้างภาระให้ประชาชนต้องเข้าร่วมเวทีหลายครั้ง ดังที่ปรากฏว่าผู้ถูกร้องทั้งสามได้จัดรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการแลนด์บริดจ์รวมกันกว่า 12 ครั้ง โดยไม่นับรวมการประชุมกลุ่มย่อย
และเมื่อพิจารณาในเชิงคุณภาพของการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมก็ปรากฏข้อจำกัดหลายประการซึ่งอาจส่งผลต่อความครบถ้วนรอบด้านของการรับฟังความคิดเห็น เช่น ประชาชนบางกลุ่มไม่ได้รับข้อมูลการประชาสัมพันธ์ของโครงการ มีการเชิญชวนที่ไม่ทั่วถึง ประชาชนกลุ่มเฉพาะไม่สามารถเข้าร่วมเวทีได้ โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยบนเกาะ และเนื้อหาที่นำเสนอยังไม่ครอบคลุม ไม่ชัดเจน ไม่มีรายละเอียดที่เพียงพอ ขาดการชี้แจงผลกระทบด้านลบที่เป็นรูปธรรม และผู้จัดเวทีไม่สามารถชี้แจงให้ข้อมูลได้อย่างละเอียดครบถ้วนหรือบางกรณีชี้แจงว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจและความกังวลในกลุ่มประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการแลนด์บริดจ์กลับเป็นเพียงการรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปกำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีทางเลือกที่จะแสดงความคิดเห็นว่ารัฐไม่ควรจะดำเนินโครงการหรือควรดำเนินโครงการพัฒนาในลักษณะใดที่จะสอดคล้องกับความต้องการและบริบทของพื้นที่ ดังนั้น การรับฟังความคิดเห็นเป็นรายโครงการของผู้ถูกร้องทั้งสามเพื่อประกอบการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงข้อมูลที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และมีความหมายตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิในการพัฒนารับรองไว้ ประเด็นนี้จึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องทั้งสามละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานผู้ถูกร้องทั้งสามร่วมกันจัดรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการแลนด์บริดจ์ โดยจะต้องชี้แจงข้อมูลให้เห็นภาพรวมและความเชื่อมโยงของทุกโครงการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโครงการเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ระนอง และจังหวัดใกล้เคียงที่อาจได้รับผลกระทบต่อเนื่องอย่างละเอียด รอบด้าน เป็นวงกว้าง ครอบคลุมทุกประเด็น และทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเฉพาะที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ เช่น ประมงพื้นบ้าน เกษตรกร ผู้ถูกเวนคืนที่ดิน วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน กลุ่มชาติพันธุ์ คนไทยพลัดถิ่น เป็นต้น โดยให้ชะลอโครงการแลนด์บริดจ์ไว้ก่อนจนกว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้น
นอกจากนี้ ให้ ครม. สั่งการให้ สศช. จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดระนองและชุมพรต่อทิศทางการพัฒนาในระดับโครงสร้างหรือในภาพรวม ในฐานะที่เป็นสิทธิในการกำหนดอนาคตและเจตจำนงของตนเอง รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของตนอย่างเสรี ซึ่งได้รับการรับรองไว้ในกติกา ICESCR และสิทธิในการพัฒนา ซึ่งได้รับการรับรองไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิในการพัฒนา เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ และให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกอาชีพร่วมกำหนดแผนพัฒนาของจังหวัดชุมพรและระนองที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ที่ปรากฎในรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามันของประเทศไทย ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป และให้ ครม. นำผลการจัดรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวและรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามันของประเทศไทย เมื่อปี 2564-2565 ของ สศช. มาประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ต่อไป ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้องกรรมการสิทธิฯ กรณีข่มขู่-คุกคาม ‘อังคณา นีละไพจิตร’
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีการข่มขู่
ศึกอดีต กสม.! 'วัส' ร่ายไทมไลน์ยาวย้อนเกล็ด 'อังคณา'
นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
'กสม.' แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแนวปฏิบัติต่อผู้ถือบัตรผู้ลี้ภัยสอดคล้องพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ
กสม.แนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวปฏิบัติต่อผู้ถือบัตรผู้ลี้ภัยที่เข้ามาพำนักในประเทศไทย ให้สอดคล้องตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ และหลักสากล
กสม.ชี้การขอตั้งโรงไฟฟ้าขยะ7แห่งภาคตะวันออก ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของปชช.แนะ สผ.ทบทวน
กสม. ตรวจสอบการขอตั้งโรงไฟฟ้าขยะ 7 แห่งในภาคตะวันออก ระบุมีการปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน แนะ สผ. ทบทวนหลักเกณฑ์ให้โรงไฟฟ้าทุกประเภท ทุกขนาด ต้องจัดทำรายงาน EIA
พิลึก! เพื่อไทยฝากรัฐบาลอนุทินดัน 'แลนด์บริดจ์' ให้ถึงฝั่งฝัน
สภาฮาแต่เช้า ช่วงหารือ 'แนน บุณย์ธิดา' มึนพูดผิดบอกขอหาเรื่อง ด้าน 'หมอศรีญาดา' พลิกบทบาทเจ้าแม่ประท้วงเป็นฝ่ายค้านครั้งแรก ฝาก 'อนุทิน' ดันโครงการ 'แลนด์บริดจ์' ให้ถึงฝั่งฝัน
กสม.แนะนายกฯ ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบเด็กและเยาวชนใช้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประธาน กสม. มีหนังสือด่วนที่สุดถึงนายกรัฐมนตรี แจ้งข้อเสนอแนะในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบเด็กและเยาวชนใช้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้รับผลกระทบด้านสุขภาพรุนแรง


