'ปชน.' ฟังทางนี้ ต้องเลือกนายกฯด้วยยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ ตัดสินใจพลาดหายนะมาเยือน


31ส.ค.2568- นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงจุดยืนของพรรคประชาชน(ปชน.)ในการโหวตหนุนนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ว่า

ตัดสินใจผิด หายนะมาเยือน

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2568 สส.พรรคประชาชนจะประชุมกันเพื่อหามติว่า 143 เสียง จะลงคะแนนเห็นชอบให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ระหว่าง
- นายอนุทิน ชาญวีระกุล จากพรรคภูมิใจไทย
- นายชัยเกษม นิติศิริ จากพรรคเพื่อไทย
ความเห็นคิดของ สส. และผู้สนับสนุนพรรคประชาชนแยกออกเป็นสองกลุ่มความคิดใหญ่ๆ

1. เลือกอนุทินจากพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี เหตุผลเพราะพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่กระทำต่อพรรคประชาชนตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคก้าวไกล สร้างความเจ็บปวดทางการเมืองให้กับพรรค(ก้าวไกล)ประชาชนอย่างไม่อาจจะกลับไปสนับสนุนได้ การหลอกให้เปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎรจากคนของพรรคก้าวไกลเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา,การฉีก MOU 8 พรรค, การถีบพรรคก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้าน,การตั้งทีม IO มาถล่มพรรค(ก้าวไกล)ประชาชนอย่างต่อเนื่อง สรุปพรรคเพื่อไทยไม่มีความจริงใจกับพรรค(ก้าวไกล)ประชาชน มองพรรคประชาชนเป็นศัตรูทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย

2. เลือกชัยเกษมจากพรรคเพื่อไทย เหตุผลว่า ถ้าหากนายอนุทินเป็นายกรัฐมนตรี จะทำให้พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบในการเลือกตั้ง เพราะมีกลไกอำนาจรัฐ-กลุ่มทุนสนับสนุนเต็มที่ ประกอบกับพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่มีแนวความเชื่อและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างจากพรรคประชาชนอย่างสิ้นเชิง การที่พรรคประชาชนไปเลือกนายอนุทินจากพรรคภูมิใจไทยจะทำให้มวลชนที่สนับสนุนพรรคประชาชนไม่พอใจ และอาจไม่ลงคะแนนเลือกพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประกอบกับพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยมีความเชื่อและอุดมการณ์ทางการเมืองคล้ายกัน การสนับสนุนนายชัยเกษมจากพรรคเพื่อไทยจะเป็นการรักษามวลชนที่สนับสนุนพรรคประชาชนไว้ได้ ด้วยเหตุว่าพรรคประชาชนไม่ข้ามขั้ว

นี่คือความคิดเห็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ในพรรคประชาชน แต่ในความเป็นจริง พรรคประชาชนหากอยากเอาชนะเลือกตั้งและยึดกุมอำนาจรัฐได้จะต้องไม่มีอุปสรรคทางการเมืองมาคอยขัดขวาง ในความเชื่อและแนวทาง,อุดมการณ์ที่พรรคประชาชนยึดถือ ถ้าจะมองให้ลึกและละเอียดยิ่งขึ้น พรรคเพื่อไทยคืออุปสรรค และเป็นตัวขัดขวางชัยชนะของพรรคประชาชน เนื่องจากมวลชนของทั้งสองพรรคมีฐานความเชื่อทางการเมือง และอุดมการณ์ทางการเมืองคล้ายกัน

ดังนั้น หากยังมีพรรคเพื่อไทยอยู่ในสมการทางการเมืองของประเทศไทย พรรคประชาชนก็ไม่สามารถกวาดเอามวลชนที่มีความเชื่อทางการเมืองแบบเสรีนิยมทั้งหมดมาเป็นของตนเองได้ เพราะต้องแบ่งมวลชนไปให้กับพรรคเพื่อไทย

เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนต่างเป็นตัวแทนของความเชื่อ แนวทางและอุดมการณ์ ทางการเมืองแบบเสรีนิยม

การตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จึงเป็นการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ทางการเมือง หากไม่มีพรรคเพื่อไทยอยู่ในสมการทางการเมืองของประเทศไทย มวลชนของพรรคเพื่อไทยไม่มีวันจะข้ามฝั่งไปเลือกพรรคภูมิใจไทย

ซึ่งพรรคการเมืองเดียวที่เหลืออยู่ในฝั่งอุดมการณ์การเมืองแบบเสรีนิยมก็คือพรรคประชาชน
ด้วยเหตุผลปัจจัยทางการเมืองในปัจจุบัน ประกอบกับยุทธวิธีทางการเมือง และยุทธศาสตร์ทางการเมือง จึงสรุปได้ว่า

หากพรรคประชาชนเลือกนายชัยเกษมจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี = การทำลายพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

หากพรรคประชาชนเลือกนายอนุทินจากพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี = การสร้างความเข้มแข็งและยิ่งใหญ่ให้กับพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)

'โรม' โวยโดนปั่นกระแส 'ทหารมีไว้ทำไม' หวังดิสเครดิตเลือดตั้ง ลั่น ปชน.แค่อยากเห็นทหารอาชีพ

'โรม' เดือดซัด 'นักการเมือง' ฝั่งตรงข้าม ใช้เหตุปะทะชายแดนมาโจมตีพรรคส้ม กล่าวหา 'ปชน.' เกลียดทหาร ฉะ นักการเมือง-ข้าราชการสีเทา เอื้อประโยชน์แก๊งสแกมเมอร์-กินเงินเดือนจาก 'ฮุน เซน'

ปชน. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. 5 เขตจังหวัดพิษณุโลก ส่ง 'ณฐชนน' แก้มือเขต 1 อีกรอบ

พรรคประชาชนจังหวัดพิษณุโลกจัดการประชุมไพรมารีโหวต (Primary Vote) เพื่อรับรองว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค

สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ

สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม

รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม

พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า