15 กันยายน 2568 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ 420/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ นักเคลื่อนไหวกลุ่มวีโว่ , นายธวัช สุขประเสริฐ, นายศักดิ์ชัย ตั้งจิตสดุดี, นายสมคิด โตสอย และนายฉลวย เอกศักดิ์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5
ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่พยายามช่วยเหลือผู้ถูกคุมขังให้พ้นจากการควบคุม
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อคืนวันที่ 30 ต.ค. 2563 พวกจำเลย กับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ แล้วเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน” นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ“ไมค์” แกนนำกลุ่มผู้ประท้วงกับพวก ที่อยู่ในรถผู้ต้องขังระหว่างถูกนำตัวไป สน.ประชาชื่น หลังถูกอายัดตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันนำไม้มากั้นปิดขวางทางออกบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบและรบกวนการครอบครองการใช้การผ่านเข้าออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์
ต่อมาผู้เสียหายทั้ง 4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายพริษฐ์ และนายภานุพงศ์ ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังพื่อนำไปส่งที่สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อรอให้สถานีตำรวจที่อายัดตัวมารับไปดำเนินคดีต่อไป เมื่อรถควบคุมผู้ต้องขังขับบนถนนงามวงศ์วานมาถึงบริเวณด้านหน้าตลาดพงษ์เพชรและได้จอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงอยู่ ต่อมาจำเลยทั้ง 5 ได้ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันนำรถจักรยานยนต์หลายคันไปล้อมการเดินทางของรถควบคุมผู้ต้องขัง ทำให้รถเคลื่อนไปต่อไม่ได้ และใช้หมวกนิรภัยและวัสดุแข็งเป็นอาวุธ ทุบรถควบคุมผู้ต้องขัง, ได้ใช้เท้าเตะรถควบคุมผู้ต้องขังและ ได้ใช้ของแข็งตีที่กระจกหน้าต่างห้องควบคุมผู้ต้องหาด้านซ้ายและด้านหลังจนแตก พร้อมกับตะโกนว่าเรียกร้องให้ปล่อยตัว
การกระทำของจำเลยทั้ง5 กับพวกดังกล่าวทำให้เกิดการชุลมุนวุ่นวายบนถนนงามวงศ์วานและสี่แยกพงษ์เพชร ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินผู้เสียหายทั้ง4 ประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณดังกล่าว เป็นการกระทำโดยเจตนาด้วยประการใดให้นายพริษฐ์ และนายภาณุพงศ์ หลุดพ้นจากการคุมขังโดยใช้กำลังประทุษร้าย ทั้งนี้ โดยจำเลยทั้ง5กับพวกได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 4 ไม่ยอมปล่อยนายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ จำเลยทั้ง5 กับพวกไม่สามารถเปิดประตูรถได้จึงทำให้นายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ไม่หลุดจากการคุมขัง
ต่อมาจำเลยทั้ง 5 ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ทุ่มใส่รถควบคุมผู้ต้องขังหลายครั้งจนกระจกด้านซ้ายแตก ทำให้หนึ่งในผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่ด้านหลังมือขวา และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เพื่อขัดขวางไม่ให้ผู้เสียหายทั้ง 4 พาตัวนายพริษฐ์และนายภานุพงศ์ไปยังสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นได้สำเร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 5 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท ฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ กับฐานร่วมกันพยายามให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจของพนักงานสอบสวนหลุดพ้นจากการคุมขังไป เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฎิบัติตามหน้าที่ จำคุกคนละ 2ปีปรับคนละ 20,000บาท ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่จำคุกคนละ 2 ปีปรับคนละ 20,000 บาท รวมจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 4 ปี 6 เดือนปรับคนละ 50,000 บาท
จำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 2 ปี 3 เดือนปรับคนละ25,000 บาท
พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้ง5ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ3 ครั้งภายใน 1 ปีให้กระทำกิจกรรมบริการสังคม
อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น เห็นควรปรับบทลงโทษเสียใหม่ให้ถูกต้อง เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง5 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ข้อหาร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ โดยประทุษร้าย และข้อหาร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประเทศร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 191 วรรคแรก,วรรค 3 ประกอบมาตรา 80,83 และมาตรา 358 ประกอบมาตรา 83
พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้า ฐานร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานฯ คนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท และฐานร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ โดยประทุษร้าย ลงโทษจำคุก คนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท รวมโทษจำคุก คนละ 4 ปี ปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย คนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี และยกฟ้องข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
ต่อมาภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ จำเลยทั้ง 5 คน ได้ชำระค่าปรับ จำนวนคนละ 20,000 บาท จากนั้นจึงพากันเดินทางกลับทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หิ้ว 'นานา ไรบีนา' ฝากขังค้านประกันตัว!
ตำรวจสอบาวนกลางคุมตัว 'นานา ไรบีนา' ฝากขังคัดค้านการประกันตัว
ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี
ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท
ศาลอาญาไฟเขียว อัยการขยายยื่นอุทธรณ์อีก 30 วัน คดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องขอขยายอุทธรณ์ของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา8แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายอุทธรณ์จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ที่พนักงานอัยการฯมีเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ได้
'ทักษิณ' แย่แน่! 'อสส.' คนใหม่ สวนมติเดิม สั่งอุทธรณ์คดี 112
'ทักษิณ' ลำบากแล้ว! 'อัยการสูงสุด' มีความเห็นยื่นอุทธรณ์คดีหมิ่นเบื้องสูง สวนมติ คกก.คดี 112เผยคดีนอกราชอาณาจักร อำนาจ อสส.
ศาลฯ พิพากษาเเก้ จำคุก 'ณพ ณรงค์เดช-คุณหญิงกอแก้ว' 2 ปีไม่รอลงอาญา
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 807 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา จำคุก คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์


