'ณัฐพงษ์' จี้รัฐบาลเร่งสื่อสารสังคมโลก อย่าปล่อยให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา

“ณัฐพงษ์” ไม่ให้ลุ้นธีมอภิปรายแถลงนโยบายรบ.หนู ดูหน้างานเลยเนื้อหาแน่นเข้มข้นแน่ ไม่กังวลหา 4เดือนไม่ยุบสภา เชื่อปชช.จะลงโทษเลือกตั้งสมัยหน้าเอง พร้อมฝากความห่วงใยเหตุไทย-กัมพูชา แนะรัฐบาลพลเรือนอย่าปฏิเสธความรับผิดชอบเร่งสื่อสารสังคมโลก

27 กันยายน 2568 - ที่บริเวณลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมกิจกรรม Run 2 Free ซึ่งเป็นกิจกรรมวิ่งเพื่อส่งเสียงเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้นักกิจกรรม 55 คน ที่ยังถูกคุมขัง โดยกิจกรรมยังมีผู้เข้าร่วมนับร้อยคนพร้อมสวมใส่ชุดวิ่ง ซึ่งกิจกรรมเปิดให้ผู้เข้าร่วมรับบิบวิ่งที่มีการระบุชื่อ และประวัติของ 55 คนที่ถูกคุมขัง พร้อมให้เริ่มวอร์มร่างกายก่อนวิ่ง ซึ่งจุดเริ่มวิ่งที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วิ่งผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และจุดเส้นชัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 29 -30 ก.ย.นี้ ว่า เตรียมมาเยอะเลย หลักๆจะเป็นในเรื่องของการอภิปรายในส่วนของการทำตาม MOA ในการดูไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงการอภิปรายตัวคุณสมบัติของรัฐมนตรีด้วย และตัวนโยบายในช่วง 4 เดือนนี้ ที่เราเล็งเห็นว่าไม่ควรจะดำเนินนโยบายอะไรที่เป็นการทำประชานิยมใช้งบประมาณการคลังที่เหลือน้อยอยู่แล้วในตอนนี้เพื่อหวังผลในการสร้างคะแนนเสียง แล้วจะเป็นภาระให้กับประชาชน นี่เป็นเพียงกรอบกว้างๆที่เราเตรียมในการอภิปราย

เมื่อถามว่าวางตัวสส.ที่จะอภิปรายไว้กี่คน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วางไว้เยอะอยู่ กรอบเวลาในการอภิปราย 2 วันเต็มๆนี้เนื้อหาเข้มข้นแน่นอน

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยเปิดธีมในการอภิปรายแต่พรรคประชาชนไม่ได้ตั้งธีมหลายคนมองว่าพรรคประชาชนไม่ได้ตั้งใจตรวจสอบจริงๆ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราตั้งใจตรวจสอบจริงรอดูธีมหน้างานจริงในที่ 29-30 นี้ และเราพร้อมที่จะอภิปรายอย่างเต็มที่ เนื้อหาเข้มข้นแน่นอน

เมื่อถามอีกว่ากังวลหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมาอภิปรายพรรคประชาชนเอง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะสุดท้ายการอภิปรายในครั้งนี้เป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลไม่อยากให้ฝ่ายค้านต้องมาตรวจสอบกันเอง อยากให้ตรวจสอบรัฐบาลมากกว่า

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องการป่วนประชุมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นเวทีที่ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ ถ้าจะต้องมีการเสนอนับองค์ประชุม หรือทำให้องค์ประชุมล่มในการตรวจสอบรัฐบาลครั้งนี้ แล้วต้องสะดุดหยุดไป ตนถือว่าไม่ได้เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน

เมื่อถามอีกว่าคำแถลงนโยบายของนายอนุทิน ไม่ได้มีคำว่ายุบสภาใน 4 เดือน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยๆก็มีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติอยู่ในนั้น ตนเชื่อว่าสิ่งสำคัญกว่านอกเหนือจากคำสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็คือการจับตามองของประชาชนที่นายอนุทิน ได้พูดในหลายๆเวที ตั้งแต่มีการโปรดเกล้าฯ จนถึงถวายสัตย์ก็ตาม รวมถึงการแถลงนโยบาย เราก็ต้องติดตามดูว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือน ถ้ามีการตระบัดสัตย์ เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะลงโทษพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

เมื่อถามอีกว่าในเรื่อง MOU ที่แถลงนโยบายมีข้อหนึ่งที่เขียนว่าให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการตัดสินใจยกเลิก MOU จะเป็นการผลักภาระให้กับประชาชนหรือไม่ เพราะรัฐบาลก็สามารถทำได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกัมพูชา เป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อนมาก และรายละเอียดใน MOU 43-44 มีรายละเอียดมากเช่นเดียวกัน เข้าใจว่ากระบวนการที่ผ่านมาของ MOU ทั้ง 2 ฉบับบางส่วนมีปัญหาจริง แต่ก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่กระบวนการที่มีปัญหาในระดับทวิภาคี ที่ผ่านมาระดับทวิภาคีอาจจะทำให้กลไกไทยกัมพูชา สามารถปักหมุดกำหนดชายแดนได้บางส่วน แต่ในทางกลับกันถ้าจะยกเลิกก็มีข้อห่วงใยว่าอาจเป็นการเพิ่มข้ออ้างให้กับกัมพูชาหรือไม่ ว่าประเทศไทยเองที่เป็นคนขอเริ่มในการยกเลิกกลไกทวิภาคีนี้ ทำให้กัมพูชาสามารถนำเรื่องนี้ไปสู่กลไกเวทีต่างประเทศ ฉะนั้นเรื่องนี้อยากให้มีการศึกษาอย่างรอบด้านก่อน ตนคิดว่าการจัดทำประชามติที่รีบเร่งจะได้คำตอบที่เป็นทางออกของสังคมจริงๆ ประชามติที่ดีจะต้องมีโอกาสให้กับประชาชนได้ตกผลึกความคิด ทำความเข้าใจร่วมกันเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ในสภาเองก็ได้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ในการศึกษาเรื่องนี้อยู่แล้ว ตนขอส่งเสียงไปยังนายอนุทิน ถ้าพรรคภูมิใจไทยเล็งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เป็นทางออกของประเทศ ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องเร่งรีบ ทำประชามติภายใน 4 เดือนนี้ แต่สามารถนำไปเป็นนโยบายในการหาเสียง ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะยุบสภาภายใน 4 เดือนนี้จริง

เมื่อถามถึงสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างชายแดนไทย -กัมพูชาที่ช่องอานม้า อุบลราชธานี หลังกัมพูชาใช้ปืนกลยิงเพื่อยั่วยุฝั่งไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราติดตามสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง และขอแสดงความเป็นห่วงต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สิ่งที่ตนอยากเรียกร้องไปถึงรัฐบาล ณ ตอนนี้ว่า ถ้าผ่านพ้นวันที่ 29-30 นี้ ที่รัฐบาลมีอำนาจเต็ม ไม่ควรที่จะปล่อยให้กองทัพจัดการทุกอย่าง แน่นอนว่าในพื้นที่เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทิน ไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยหลักการรัฐบาลพลเรือนไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ อีกหนึ่งสิ่งหน้าที่ของรัฐบาลคือการสื่อสารต่อสังคมโลกอย่างรวดเร็วและชัดเจน อย่าทำให้เกิดการที่กัมพูชาสร้างข่าวปลอมมาทำลายความชอบธรรมของไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่