
17 ต.ค. 2568 - ดร.นันท์วิสิทธิ์ ตั้งแสงประทีป (นิพนธ์) อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และสื่อมวลชนอิสระ เผยแพร่บทความ เรื่อง จากเสียงล้อเลียนภาษาถึงเสียงผี ...จากสรยุทธ์ถึงกรรชัย มีเนื้่อหาดังนี้
ในช่วงที่วงการสื่อกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งอย่างเร่าร้อน กรณีข่าวการสู้รบไทย-กัมพูชา ระหว่างทางสื่อต่างๆพยายามเอาใจกระแสสังคมด้วยการเสนอแบบ "ปลุกเร้า กระตุ้น เสียดสี สร้างความเกลียดชัง"ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อ สปอตไลท์มาลงที่ สรยุทธ์กับพิชทัฬห์(ไบรท์) ที่อ่านข่าวด้วยสำเนียงภาษากัมพูชาก็ทำให้เกิดพลังโซเชียลทางสังคมตั้งคำถามถึงกรณีดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่เกินเลยมากกว่า "การให้ข้อมูลข่าว"ดูถูกเหยียดหยามอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม
และระยะเวลาผ่านไปเพียงไม่นานจากกรณีการทำเสียงล้อเลียนภาษาก็เกิดกรณีของกรรชัย กำเนิดพลอย ที่ตั้งคำถามกับคุณอังคณา นีละไพจิตร ที่ออกมาให้สติกับการเปิดเสียงผีและเสียงอื่นๆใส่คนกัมพูชาของกันจอมพลัง
หากเราตัดอคติหรือเสียงเชียร์ของแต่ละฝั่งออกไปและพูดถึงเฉพาะบทบาทหน้าที่ของ "สื่อมวลชน"แล้วก็จะข้อเท็จจริงหลายประการคือ
1.สื่อปัจจุบันได้ก้าวข้ามคำว่า "ข้อเท็จจริง" ไปแล้วอย่างมากมายโดยยึดหลักแนวคิดการนำเสนอข่าวแบบดราม่า(Dramatic) เน้นอารมณ์ความรู้สึกดึงดูความสนใจกระตุ้นให้คนดูเกิดอารมณ์ร่วมเช่น สงสาร โกรธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การสร้างความเกลียดชัง เราจะเห็นปรากฎการณ์นี้ในยุคโซเชียลมีเดียเพราะการสื่อสารสองทางของผู้ชมที่ตอบสนองผ่านการมีส่วนร่วม(Engagement) โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็น ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนั้นจะทำให้ปลายทางไปสู่ "เรตติ้งและเม็ดเงินรายได้"
2.ถามว่าการนำเสนอข่าวในลักษณะดราม่าผิดหรือไม่ คำตอบกลับมาที่ว่า สื่อหรือผู้ประกาศข่าวผู้ดำเนินรายการข่าวสามารถแยกแยะได้หรือไม่ว่า ระหว่างการนำเสนอข่าวเช่นนั้น มีการกลั่นกรองเรื่อง "ความจริง ข้อเท็จจริงและความคิดเห็น"ออกจากกันให้กับคนดูได้แยกแยะ และบอกกับคนดู หรือยกตัวอย่างเลือกนำเสนอแบบที่คุณกิตติ สิงหาปัดนำเสนอคือ "การอ่านข่าว" ไม่นำเสนอแบบดราม่าไปเลยจะดีกว่า
ในทางกลับกัน ที่คนดูต้องรู้เท่าทันสื่อ( media literacy)ที่นำเสนอข่าวในลักษณะดราม่าเพื่อการกระตุ้นให้คนดูมีอารมณ์ความรู้สึกร่วม(ใส่คอมเม้นต์ กดไลท์ แชร์ฯ) เช่น กรณีของสรยุทธ์กับพิชทัฬห์(ไบรท์) ชัดเจนว่า ในช่วงการทำเสียงล้อเลียนภาษามีการหัวเราะน้ำเสียงแสดงท่าทางความขบขันสร้างการมีความรู้สึกร่วมได้เป็นอย่างดี นั่นหมายถึงการประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ แต่ก็แน่นอนนั่นคือการแสดงออกจากภาษากายที่เกินเลยคำว่า ข้อเท็จจริงไปแล้ว จนกระทั่งมีเสียงออกมาคัดค้าน
3.ในกรณีของ"เสียงผี"ที่ถูกปล่อยใส่เครื่อขยายเสียงไปยังคนกัมพูชาและถูกตักเตือนให้คำแนะนำจากคุณอังคณา นีละไพจิตร ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งคุณกรรชัยนำเสนอประเด็นดังกล่าวและตั้งคำถามกับ คุณอังคณา ว่า ได้เรียกร้องสิทธิให้ชายที่เสียชีวิตที่กัมพูชาแล้วหรือยังนั้น สะท้อนให้เห็นว่า
-คุณกรรชัยกำลังตั้งคำถามแบบที่คนทำผิดกฎจราจรชอบตั้งคำถามกับตำรวจว่า คนนั้นก็ทำผิดเหมือนผมทำไมไม่ไปจับ?
บทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนกับคำว่า "ความเป็นกลางในการนำเสนอความจริงเพื่อให้เกิดความยุติธรรม" ความเป็นกลางไม่ได้หมายถึง ให้คุณกรรชัยให้พื้นที่คุณอังคณามาพูดเพื่อให้เท่าเทียมทั้งสองฝ่าย ความเข้าใจแบบนั้น "ตื้นเขิน"เกินไป
คำว่าความเป็นกลางหมายถึง การนำเสนอความจริงเพื่อนำไปสู่การสร้างความยุติธรรม ในที่นี้หมายถึง "เสียงผี" ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ มันยุติธรรมหรือไม่ ? ซึ่งการจะตัดสินว่ายุติธรรมหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับกฎกติกาของสังคมซึ่งเรื่องสิทธิมนุษยชนมีปฏิญาสากลที่ไทยเองก็ยอมรับ
ตัวอย่างของการนำเสนอข่าวเพื่อสร้างความยุติธรรมที่คุณกรรชัยชอบนำเสนอและระบุว่าไม่ใช่เรื่องของคนสองคนหรือผัวเมียทะเลาะกันแต่เพื่อประโยชน์ให้เป็นแบบอย่างกรณีศึกษาของสังคม ผมขอยกตัวอย่างเช่นเดียวกับที่คุณกรรชัยพูดเสมอเพื่อประโยชน์ต่อสังคมสาธารณะเช่นเดียวกัน
สมมติว่าคุณกรรชัยอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งแล้ววันหนึ่งมีชุมชนติดกันกับคุณกรรชัยและเพื่อนบ้าน เปิดเสียงดังรบกวนโดยหันลำโพงมาทางชุมชนที่คุณกรรชัยอาศัยอยู่โดยชุมชนนั้นบอกว่าเป็นสิทธิของเขาเพราะเขาเปิดในพื้นที่ของเขา คุณกรรชัยคิดว่าเป็น "สิทธิ"ของชุมชนนั้นหรือไม่? หรือเป็นกฎหมายกติกาสังคมอยู่แล้วเช่นห้ามส่งเสียงดังในยามวิกาล หรือหากคุณอังคณาออกมาเตือนชุมชนเพื่อนบ้านคุณกรรชัยว่าทำไม่ถุกต้องคุณกรรชัยจะเห็นด้วยหรือไม่? หรือคุณกรรชัยจะยอมรับโดยสดุดีว่า เป็นสิทธิของชุมชนเพื่อนบ้าน โดยสรุปกรณีที่ผมยกตัวอย่างคือ สิทธิกฎหมายของสังคมที่บังคับใช้กับชุมชนจึงมีนัยยะเดียวกับสิทธิมนุษยชน
ข้อสังเกตุในกรณีของเสียงผีในการนำเสนอของรายการคุณสรยุทธ์ชัดเจนแตกต่างจากคุณกรรชัยคือเลือกนำเสนอ ข่าวและอ่านตามที่ทั้งสองฝั่งให้ความเห็นจากการสัมภาษณ์โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเองเข้าไป
ท้ายที่สุดสื่อที่มีประสบการณ์เช่นคุณสรยุทธ์และคุณพิชทัฬห์(ไบรท์) ได้แสดง”ความเป็นมืออาชีพ”ของสื่อมวลชนกล่าวขอโทษต่อสังคมและสาธารณะ ในกรณีของ"เสียงล้อเลียนภาษาเขมร" เพราะทั้งสองท่านเข้าใจอย่าถ่องแท้ต่อบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม และเลือกนำเสนอในกรณีของ"เสียงผี"อย่างระมัดระวังโดยการเลือกอ่านข่าวของทั้งสองฝ่ายโดยไม่แสดงความคิดเห็น
ขณะที่คุณกรรชัย อาจจะต้องทบทวนหรือไปปรึกษาคุณสรยุทธ์ว่าสิ่งที่กระทำลงไปนั้นถูกต้องตามหลักวิชาชีพจรรยาบรรณของสื่อมวลชนหรือไม่
**หมายเหตุ คนดูผู้ชมควรแยกแยะและใช้สติ ว่าสิ่งที่คนกำลังวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความสร้างสรรค์นั้นไม่เกี่ยวกับว่าคนคนนั้นคลั่งชาติหรือไม่รักชาติแต่อย่างใดเพราะการรักชาติไม่ได้ผูกขาดด้วย “การแสดงความเห็นด้วยทุกเรื่อง” แม้เรื่องนั้นจะเป็นการกระทำที่ผิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วินธัย' เคลียร์ปมของบริจาคทหารชายแดน กองทัพขอบคุณทุกรูปแบบการสนับสนุน ล้วนมีคุณค่าทางจิตใจ
“วินธัย” แจงปมของบริจาคทหารชายแดน ยันส่วนกลางมีบันทึกข้อมูลการส่งมอบอย่างเคร่งครัด ส่วนในพื้นที่ทำรายละเอียดส่งมาภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย ระบุของบางอย่างรับมาไม่ได้ใช้ เช่นแผ่นเหล็กดัดแปลงกันกระสุน
'สนธิญา' ร้อง ปปง. สอบมูลนิธิ 'กัน จอมพลัง' พ่วงโควตาลอตเตอรี่
'สนธิญา' ยื่น ปปง. สอบมูลนิธิ 'กัน จอมพลัง' พ่วงโควตาลอตเตอรี่ 2 แสนฉบับ ชี้อาจเข้าข่ายฟอกเงิน-เอื้อคนรวยฮุบสิทธิคนจน
'กมธ.ทหาร' ไม่เรียก 'กัน จอมพลัง' แจงเพิ่ม บี้ส่งเอกสารคำขอจากทุกหน่วย
'ปธ.กมธ.ทหาร' เผยไม่เชิญ 'กัน จอมพลัง' แจงข้อมูลเพิ่มแล้ว แต่ให้ส่งเอกสารขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานรัฐทั้งหมด พร้อมทวง 'โฆษก ทบ.' ด้วย ยันไม่ได้เพ่งโทษใคร
'สื่ออาวุโส' รู้ทัน 'พรรคส้ม' ไม่ได้ตรวจสอบ 'กัน จอมพลัง' แต่สร้างวาทกรรม 'ทหารมีไว้ทำไม' คืนให้ได้
นายสันติสุข มะโรงศรี สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ดำเนินรายการช่อง TOP NEWS โพสต์ข้อความ ว่า บอกแล้ว มันไม่ใช่เรื่องการตรวจสอบมูลนิธิอะไรหรอกครับ
คนไทยยิ่งตาสว่าง! พรรคส้ม ใช้เวที กมธ. รุมถล่มกองทัพ ไม่ได้ตรวจสอบ 'กัน จอมพลัง'
"กัน จอมพลัง" แจงปมบริจาคของกองทัพ โชว์ใบขอความอนุเคราะห์สนับสนุนเสื้อเกราะเลเวล 4 จากหน่วยงานทหารในพื้นที่ ด้านโฆษก ทบ.ยันไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ไม่มีนโยบายรับบริจาค และไม่ได้ขาดแคลนยุทธภัณฑ์ ชี้เกราะที่ ’กัน จอมพลัง’ มอบมีมาตรฐานสูงกว่าของกองทัพ
พี่นัสอัดน้องกันทำอะไรคิดน้อยไป
กัน จอมพลัง และประธานมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ตั้งโต๊ะเคลียร์ปมเงินบริจาค 200 ล้าน


