
10 พ.ย.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊ก Sommai Phasee – – สมหมาย ภาษี เรื่อง “ไทยอาจต้องบรรลัยด้วยไทยเทา” เนื้อหาระบุ
ณ วันนี้ วันที่เศรษฐกิจสีเทาของไทยเรากำลังถูกแซะถูกเจาะ แล้วก็ถูกแฉออกมาอย่างมากมาย อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจสีแดงและสีเทาของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์และกัมพูชานับตั้งแต่การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ หวยออนไลน์ บ่อน คอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ซึ่งมาเกี่ยวโยงอย่างมากกับธุรกิจและการเมืองไทย ส่งผลกระทบทำให้เกิดการฟอกเงินและการลงทุนที่บิดเบี้ยวในประเทศไทยเป็นเงินจำนวนมากในแต่ละปี
สิ่งที่เห็นชัดในบ้านเมืองเราตอนนี้ คือ ความเป็นสีเทาของทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และการบริหารราชการ ได้เห็นชัดกันแล้วใช่ไหมว่าประเทศเรามีสีเทาเข้ามาเกาะแน่นทุกด้านเหมือนสนิมที่เกาะเข้าไปในเนื้อเหล็ก ยากที่จะขจัดให้ออกไปได้ง่าย และยากที่จะหารัฐบาลไหนมาแก้ไขได้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวและดูงานที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังจากไม่ได้ไปนานถึงร่วมสิบปีเพื่อดูว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเขาโตไปแค่ไหนแล้ว ประชาชนเขามีความทุกข์เหมือนคนไทยไหม และมีข่าวธุรกิจสีเทามากเหมือนเราไหม
เมื่อได้ดูก็ต้องเชื่อสายตาตนเองที่ได้เห็นมาว่าเขาได้ก้าวไกลและเจริญรุดหน้าอย่างน่ายกย่องด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนจริงๆ ไม่ใช่แบบไทยที่ผู้นำสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วพูดได้แต่ปาก ทำให้ประเทศไทยเราถดถอย อาจกล่าวได้ว่าแต่ละปีที่มาเลเซียเดินหน้าหนึ่งก้าว แต่ไทยถอยหลังหนึ่งก้าว 10 ปี เราห่างจากเขา 20 ก้าวแล้วครับ
ผมได้เห็นตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินของสายมาเลเซียนแอร์ไลน์ด้วยเครื่องโบอิ้งขนาดกลาง สายการบินของเขาดีกว่า TG ของไทยทุกเรื่อง ไม่ต้องบรรยายให้เสียเวลา หวังว่าผู้บริหารของ TG คงจะเห็นกันบ้าง ตอนนี้ TG ในประเทศยังไม่อาจไปเทียบกับสายการบินเอกชน เช่นBangkok Airways และ VietJet ได้เลย เลวกว่านั้นค่าโดยสารไปทุกจุดหมายในประเทศ ยังแพงกว่าเอกชนทุกสาย ช่างไม่คิดถึงคนไทยเจ้าของหุ้นใหญ่เลย
เมื่อเครื่องนำมาถึงสนามบินนานาชาติ KL พอเข้าเหยียบแผ่นดินเท่านั้น มันดูโอ่อ่ามาก ผมได้บอกให้เพื่อนๆที่ไปด้วยกันว่า ถ้าจะดูความยิ่งใหญ่ของประเทศใดให้ดูว่าสนามบินเขาปูพื้นด้วยหินแกรนิต หรือหินที่มีค่าไหม ถ้าพื้นปูกระเบื้องและบริหารห่วยๆเวลาผู้โดยสารออกมาเรียกรถกลับต้องเจอกับความแออัดยัดเยียด ได้ยินเสียงนกหวีดและโทรโข่งลั่นไปหมด นั่นไม่ใช่นะ แย่ทั้งคณะกรรมการและ CEO
ครั้นเมื่อเข้าพักที่โรงแรมย่านในเมืองก็ได้เห็นว่ามีผู้คนพลุกพล่านมากในฟุตบาร์ตที่กว้างใหญ่ ไร้ขยะ ไร้แผงลอย ไม่มีสิ่งแวดล้อมที่อุจาดตาให้เห็น ยิ่งแผ่นป้ายโฆษณารกเมืองหลวงแบบกทม. แทบไม่มีให้เห็นเลย ผมไม่ทราบว่าท่านผู้ว่า กทม. งานหนักมากหรือตามืดมัว แก้ระเบียบกฎหมายเก็บภาษีจ่ายเพิ่มตามอัตราก้าวหน้าสัก 2-3 เท่า จุดที่บดบังวิวมากเกินห้ามติดป้ายโฆษณา พอทำได้ไหมครับ
ตอนหัวค่ำ 2 ทุ่ม ได้ซื้อบัตรนั่งรถ 2 ชั้น ชมเมืองและแสงสีซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมง ปรากฎว่าการจราจรเบาบางมาก ที่สำคัญได้เห็นว่าทุกเส้นทางที่เขานำพาไปไม่เคยเห็นจุดที่เป็นคอขวดของถนนหนทางรถติดกลางเมืองหลวงเหมือนแถวเพลินจิต แถวพระรามสี่ ฯลฯ
ตลอดทางที่ผ่านมองไปทั้งซ้ายและขวาจะเห็นอาคารสูงออกแบบสวยงาม ประดับสีสันน่าชม แทบทั้งเมือง ที่นี่เขาชอบสร้างหอคอยและอาคารสูงสง่า เช่น อาคารคู่แฝดปิโตรนาส สูง 88 ชั้น และอาคารสูงที่สุดเอเชียและสูงเป็นอันดับสองของโลกชื่อ Merdeka 118 สูง 118 ชั้น 678.9 เมตร หลังจากนั้นก็ได้ไปหาอาหารทานกันแถวถนนคนเดินที่ชื่อว่า Jalan Alor ยาวร่วม 600 เมตร พบว่าผู้คนคึกคักตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนมีทั้งชาวต่างชาติและมาเลย์ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มมีความสุข
หลังจากได้ดูความเจริญทางกายภาพที่มาเลเซียซึ่ง 20 ปีที่แล้วเป็นประเทศที่พัฒนาในระดับเดียวกับไทยเรา แต่ขณะนี้ได้เดินหน้ารุดหน้าเราไปมาก ผู้คนเขาดูมีความสุขกว่าคนไทยมาก ทำให้ต้องคิดว่าอะไรหนอที่ทำให้มาเลเซียเจริญได้เร็วอย่างนี้
ผมเชื่อว่ามาเลเซียไม่น่าจะมีความเป็นสีเทาเหมือนประเทศไทย เพราะห่างไกลจากกัมพูชาและเมียนมาร์ มาเลเซียมีการควบคุมประเทศดีมากทั้งด้านตำรวจและการปกครองส่วนท้องถิ่น ชาวต่างด้าวที่จะเข้าไปทำธุรกิจในมาเลเซียจะถูกทางการเขาตรวจสอบที่เข้มมากๆ นักการเมืองเขาหวงแหนอาชีพไว้ให้คนมาเลย์มาก
ในที่สุดผมก็คิดออกว่าที่มาเลเซียโตเร็วและดีกว่าไทยเรา เพราะมาเลเซียมีระบบการบริหารจัดการแบบอังกฤษที่เขาเคยตกเป็นเมืองขึ้นมา เขามีนักกฎหมายที่น่าจะมีความสามารถและตรงไปตรงมากว่านักกฎหมายไทย เขามีนายกรัฐมนตรีที่ทำคอร์รัปชั่นจนถึงกับติดคุก 1 คน แต่เรามีนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลตัดสินให้ติดคุกแล้ว 2 คน และอาจจะมีมากกว่าในอนาคตอันใกล้นี้
สิ่งสำคัญที่สุดมาเลเซียราคาพลังงานต่ำกว่าไทยมาก เพราะประเทศเขามีแหล่งน้ำมันและก๊าซให้นำไปส่งออกและใช้เองมานานแล้ว ตัวอย่าง เช่น ราคาก๊าซโซฮอล์ 95 สำหรับรถยนต์ ราคาแค่ลิตรละ 2 ริงกิต หรือเท่ากับ 16 บาท แต่ไทยตอนนี้ราคาลิตรละ 32 บาทแพงกว่าเขาเท่าตัว เชื่อว่าราคาก๊าซหุงต้มเขาก็ถูกมาก ชาวมาเลย์จึงมีรายได้สุทธิเมื่อหักรายจ่ายแล้วสูง คือมีการออมของครัวเรือนสูงทำให้หนี้ครัวเรือนต่ำกว่าคนไทยมาก ดังนั้น ด้านการบริโภคของประชาชนจึงโตอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องไปกระตุ้นแบบหัวปักหัวปำเหมือนไทย
ก่อนจบสำหรับบทความชิ้นนี้ ผมขอบอกให้คนไทยที่รักชาติบ้านเมืองทุกคน ขอให้ทำใจกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ทั้งปัญญาเศรษฐกิจสีเทา ปัญหาการเมืองสีเทา และปัญหาสังคมที่เน่าเฟะที่ล้วนมีโครงสร้างบิดเบี้ยวไปมากแล้ว เมื่อมีมะเร็งร้ายคือการทุจริตคอร์รัปชั่นแผ่เข้าไปครอบคลุมในทุกด้าน ความต้านทานที่เคยมีของความเป็นชาติไทยก็ลดน้อยลง ไทยเราจึงเป็นสีเทาไปแทบทุกภาคส่วนและไม่ใช่เทาธรรมดาแต่เป็นสีเทาที่ได้คลุกเคล้าด้วยความชั่วประดามีของคนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งได้เข้าไปคลุกเคล้าในระบบเศรษฐกิจจนเป็นสีเทาที่อมสีสกปรกอย่างแยกไม่ออกด้วยครับ
ระวังไทยเราอาจติดหล่มสีเทาลากยาวถึงตายก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
'อนุทิน' รับรู้จัก 'เบน สมิธ' แต่ไม่สนิท ชี้ภาพเก่า 10 ปี รู้อยู่แล้วใครปล่อย
“อนุทิน” รับรู้จัก “เบนสมิท” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน ชี้ภาพที่เห็นออกเป็นรูปเก่า10ปี บอกสื่อก็รู้ว่าใครปล่อย ยันถ้าสนิททำไมไม่ได้สัญชาติ ไทย รับเป็นเหตุต้องพ้น มท. 1 โต้ “โรม” รู้จักผมน้อยไป หลังวิจารณ์ไม่ตั้งใจปราบสแกมเมอร์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


