'นักวิชาการ' ชี้นายกฯป้องอธิปไตย ไม่ทำไทยเสี่ยง 'รัฐบริวาร'

17 พ.ย. 2568 – รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไทยไม่ใช่ “รัฐบริวาร”!

จากกรณีกองกำลังกัมพูชาได้ลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสข้อเท้าขาด ในขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง ส่งผลให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระงับการดำเนินการตามปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา จนกว่ากัมพูชาจะมีคำแถลงขอโทษชาวไทย

ต่อมานายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย และประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสักขีพยานในการลงนามปฏิญญาดังกล่าว ได้เข้ามาแทรกแซง เพื่อบีบให้ประเทศไทยต้องดำเนินการตามข้อตกลงในปฏิญญาต่อไป แม้ว่ากองกำลังกัมพูชาจะมีพฤติการณ์คุกคามทางการทหารต่อประเทศไทย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 52 ประกอบมาตรา 3 วรรค 2 มีสาระโดยสรุปว่า คณะรัฐมนตรี รัฐสภา หน่วยงานรัฐ มีหน้าที่พิทักษ์รักษาเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยและความมั่นคงแห่งรัฐ อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยและฝ่ายความมั่นคงหลายยุคได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว โดยอ้างเหตุประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

อาทิ วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ในขณะที่กองทัพภาคที่ 2 มีความได้เปรียบในการรบเพื่อรักษาดินแดนที่ไทยมีสิทธิอธิปไตย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ไปลงนามหยุดยิงกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ ประเทศมาเลเซีย ภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจะไม่เจรจาด้านภาษี หากไทยและกัมพูชาไม่หยุดยิง

นอกจากนี้ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เพียงไม่ถึง 1 เดือน หลังจากที่เด็กนักเรียนไทย คนไทย และทหารไทย ต้องได้รับบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต จากการโจมตีของกองกำลังกัมพูชา

รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยได้มีมติให้ชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นพลเมืองประเทศคู่สงคราม ที่ใบอนุญาตหมดอายุ สามารถอยู่ต่อในประเทศไทยได้ ทั้งๆ ที่กองกำลังกัมพูชายังคงมีพฤติการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะการลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตที่ไทยมีสิทธิอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียขาไปแล้วถึง 7 นาย

ทั้งหมดนี้ไม่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของนานาอารยประเทศ ที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนมาเป็นลำดับแรก

อาทิ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ประเทศญี่ปุ่นได้ยุติการค้าทั้งหมดกับเกาหลีเหนือนับแต่ปี 2552 รวมถึงห้ามชาวเกาหลีเหนือเข้าประเทศตั้งแต่ปี 2559 แม้ว่าเกาหลีเหนือยังมิได้มีการคุกคามทางการทหารใดๆ

ในปี 2562 เพื่อรักษาเกียรติภูมิของประเทศ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตอบโต้การกล่าวหาของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยการงดส่งออกสินค้าที่เกาหลีใต้ต้องการเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี

ล่าสุด ภายหลังนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศสนับสนุนไต้หวันหากต้องมีการรบกับประเทศจีน รัฐบาลจีนก็ตอบโต้ด้วยการประกาศปรามพลเมืองของตนในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในทันที

การที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์รักษาความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย โดยไม่นำผลประโยชน์ทางการค้ามามีอิทธิพลเหนืออธิปไตยและความมั่นคงแห่งรัฐ นอกจากเป็นการสลัดภาพลักษณ์ประเทศที่มีนักการเมืองหิวเงินจนชาติอ่อนแอ ยังเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทำให้ประเทศไทยไม่สุ่มเสี่ยงตกเป็น “รัฐบริวาร” จนในอนาคตอาจต้องสูญเสียอธิปไตยเหนือเกาะกูด ซึ่งมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมหาศาล ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในบางภูมิภาคของโลกมาแล้ว

หมายเหตุ: ภาพประกอบในการไปให้กำลังใจแก่ทหารกล้า หลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญทหารไทยข้อเท้าขาดเป็นรายที่ 7 จากการที่กัมพูชาฉีกปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'

นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568