ป.ป.ช. ชี้มูล 'รัชฎา' อดีตอธิบดีกรมอุทยาน พร้อมพวก ปมเรียกรับเงิน–ทุจริตจัดซื้อป่าชายเลน ส่งสำนวนฟันอาญา อสส.
19 พ.ย.2568 - นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.65 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ได้จับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก พร้อมของกลางเป็นเงินสด จำนวน 98,000 บาท และจากการตรวจค้นภายในห้องทำงานของนายรัชฎา พบเงินสดอีกจำนวน 4,843,300 บาท จึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินดังกล่าว รวม 21 รายการ และส่งคำร้องทุกข์กล่าวโทษนายรัชฎา กรณีมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด เพื่อมิให้ถูกโยกย้ายตำแหน่งและเก็บเงินรายเดือนจากหมวดงบประมาณต่าง ๆ ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนและมีมติชี้มูลความผิดนายรัชฎา ในส่วนของเงินสดของกลางจำนวน 98,000 บาท และเงินสดที่ตรวจยึดได้จำนวน 2,693,300 บาท แล้ว โดยให้แยกประเด็นเกี่ยวกับ เงินสดจำนวน 2,150,000 บาท และสิ่งของที่ตรวจยึดได้จำนวน 4 รายการ และกรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง งานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) เพื่อดำเนินการไต่สวน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังนายรัชฎา เข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ เมื่อเดือน ก.พ.65 ได้ร่วมกับนายอลงกรณ์ เศรษฐเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 เรียกรับเงินจำนวน 600,000 บาท จากนายสุวรรณเนาว์ แสนสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่ และนายสุวรรณเนาว์ได้ยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่นายรัชฎา ตามที่ถูกเรียกรับสำหรับเงินสดจำนวน 1,850,000 บาท ที่ตรวจพบภายในห้องทำงานของนายรัชฎาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.65 แม้ไม่ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่นายรัชฎา ได้รับจากบุคคลใดและเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินของนายรัชฎาหรือไม่อย่างไร แต่เป็นกรณีที่นายรัชฎามีพฤติการณ์รับทรัพย์สินจากจากผู้อื่น นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในกรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อปีงบประมาณ 2565 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ประกอบด้วย งานจัดซื้อกล้าไม้ป่าชายเลน จำนวน 161,700 ต้น และงานจัดจ้างเหมาค่าแรง ค่าใช้สอยและวัสดุ สำหรับบำรุงป่าชายเลน จำนวน 5 โครงการ นายสุวรรณเนาว์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ผู้รับผิดชอบโครงการ ได้จัดทำรายงานข้อมูลการสืบราคาจัดซื้อจัดจ้างอันเป็นเท็จเพื่อนำมากำหนดเป็นราคากลาง แล้วติดต่อตกลงกับนางสาวฉันทนา รำเพยพัด นางสาวอิงอร แสงแก้ว และนายนิพล วัดนครใหญ่ ซึ่งเป็นญาติของผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เข้าเสนอราคาและเป็นคู่สัญญาผู้รับจ้าง งานบำรุงป่าชายเลน จำนวน 5 สัญญา วงเงินรวม 785,400 บาท และติดต่อตกลงกับหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่มโกงกาง ซึ่งมิได้เป็นผู้มีอาชีพขายกล้าไม้ป่าชายเลน ให้เข้าเสนอราคาและเป็นคู่สัญญาผู้ขายกล้าไม้ป่าชายเลน วงเงิน 485,100 บาท โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานซื้อได้ทำหลักฐานการตรวจรับพัสดุว่าถูกต้องตรงตามสัญญา ทั้งที่ผู้ขายและผู้รับจ้างงานบำรุงป่าชายเลนดังกล่าวมิได้ส่งมอบกล้าไม้และทำงานจ้างบำรุงป่าชายเลนให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา
นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าหลังจากมีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างและค่าจัดซื้อดังกล่าวแล้ว นางสาวอิงอร และห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่มโกงกาง ได้มีการให้เงินค่าจ้างและค่าจัดซื้อซึ่งเป็นส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการใช้ หรือเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่เกิดจากการทุจริตร่วมกันแก่นายสุวรรณเนาว์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะชุมพร และนายจงรัก ภู่ไพบูลย์ ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ด้วย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้ กรณีทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่ 1.การกระทำของนายรัชฎา และนายอลงกรณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 มาตรา 172 และมาตรา 173 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และ2.การกระทำของนายสุวรรณเนาว์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ส่วนกรณีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างงานบำรุงป่าชายเลนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่นั้น การกระทำของนายสุวรรณเนาว์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162 (1) (4) มาตรา 264 มาตรา 268 และมาตรา 341 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 120 และฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2.การกระทำของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ และเจ้าหน้าที่พัสดุ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 120 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แล้วแต่กรณี
3.การกระทำของนายจงรักษ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
4.การกระทำของนางสาวฉันทนา นางสาวอิงอร และนายนิพล และห้างหุ้นส่วนจำกัด ร่มโกงกาง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดและฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวน การไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ให้แจ้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชี้มูล 'พันโทหญิง' กับพวกทุจริตเงินเบี้ยหวัด 230 ล้าน!
ป.ป.ช.ชี้มูล 'พันโทหญิง' กับพวก ทุจริตเงินเบี้ยหวัด ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว 572 ครั้ง 230 ล้าน
ชี้มูลอดีตนายอำเภอสัตหีบออกใบอนุญาตซื้อปืนโดยมิชอบ 259 ฉบับ!
ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตนายอำเภอสัตหีบ ออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนโดยมิชอบ
ป.ป.ช.ฟัน 'สุรเดช' อดีตรองเลขาฯ สกสค. รวยผิดปกติ 13 ล้านบาท!
ป.ป.ช.ชี้มูล 'สุรเดช' อดีตรองเลขาฯสกสค. ร่ำรวยผิดปกติ 13 ล้าน
กสม.แนะทบทวน กม.คุ้มครองเด็กที่เกิดด้วยเทคโนโลยี
กสม.แนะทบทวน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ เพิ่มความคุ้มครองแก่เด็กและหญิงที่รับตั้งครรภ์แทนจากขบวนการค้ามนุษย์
กสม.โอ่ผลงานจัดประชุมว่าด้วยผลกระทบนโยบายยาเสพติด
กสม.ร่วมจัดประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยผลกระทบนโยบายยาเสพติด สนับสนุนการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดแทนมาตรการทางกฎหมาย สร้างการยอมรับผู้เสพเป็นผู้ป่วย
'ชัยวัฒน์' ขึ้นศาล คดีอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ฟ้องข้อหาแจ้งความเท็จรับเงินสินบน
ศาลนัดสอบคำให้การ ในคดีหมายเลขดำ อ.824/2566 ที่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ในข้อหา แจ้งความเท็จ


