ยุบสภาในยามสงคราม : ไม่ใช่ทางออก และไม่ใช่ประชาธิปไตย

12 ธ.ค. 2568 - รศ.ดร.บุญส่ง ชเลธร สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ เรื่อง ยุบสภาในยามสงคราม: ไม่ใช่ทางออก และไม่ใช่ประชาธิปไตย มีเนื้อหาดังนี้

ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญภาวะสงครามกับกัมพูชา ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะยุติลงเมื่อใด ข้อเสนอที่เรียกร้องให้มีการ “ยุบสภา” จึงเป็นประเด็นที่สังคมไทยไม่อาจมองข้าม เพราะนี่ไม่ใช่เพียงความเห็นทางการเมืองทั่วไป หากแต่เป็นคำถามใหญ่เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในยามวิกฤตสูงสุดของรัฐ

การยุบสภาไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่ควรเกิดขึ้นเพราะอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเดินหน้าต่อได้หรือไม่ได้ และยิ่งไม่อาจมองข้ามได้ในภาวะสงคราม เมื่อตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่การยุบสภาจะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ภายใน 45–60 วัน และรัฐบาลที่ทำหน้าที่อยู่จะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการซึ่งมีข้อจำกัดด้านอำนาจมากมายในการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ต่างจาก “เป็ดง่อย” (Lame duck) ทางอำนาจ

คำถามที่ต้องตอบให้ได้อย่างตรงไปตรงมาคือ ในขณะที่เสียงปืนและเสียงระเบิดยังดังอยู่ตามแนวชายแดนและอาจจะลึกเข้ามาในแผ่นดินเมื่อไหร่ก็ได้นั้น สมควรหรือ ประเทศไทยพร้อมแล้วจริงหรือ ที่จะเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง

ในทางปฏิบัติ การจัดการเลือกตั้งในภาวะสงครามย่อมเผชิญปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่ความปลอดภัยของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่รัฐและคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปจนถึงความเป็นไปได้ในการหาเสียงอย่างเสรีและเป็นธรรม พื้นที่บางส่วนของประเทศคงไม่อาจจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ตามปกติ การเดินทาง การชุมนุม และการสื่อสารย่อมถูกจำกัดด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง หากการเลือกตั้งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไขของเสรีภาพ ความเสมอภาค และความปลอดภัยอย่างแท้จริง กระบวนการนั้นย่อมถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมตั้งแต่ต้น

ที่สำคัญยิ่งกว่า คือในภาวะสงครามเป็นช่วงเวลาที่รัฐต้องการ “ความต่อเนื่องและเอกภาพของอำนาจ” มากที่สุด การตัดสินใจด้านความมั่นคงและการทหารต้องอาศัยเสถียรภาพทางการเมือง ความชัดเจนในการบังคับบัญชา และความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในสายตาประชาชนและประชาคมโลก การยุบสภาในช่วงเวลานี้ก็เท่ากับทำให้ศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองอ่อนแอลงโดยเจตนา และเปิดช่องให้นานาชาติประเมินว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคง ขัดแย้งแตกแยกจากภายใน

ในหลายประเทศที่เผชิญสงครามหรือภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของรัฐ บทเรียนทางประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า การเลือกตั้งหรือการแข่งขันทางการเมืองมักถูก “ชะลอ” ออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว นี่ไม่ใช่การปฏิเสธประชาธิปไตย แต่เพราะการรักษารัฐให้รอดคือเงื่อนไขพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของประชาธิปไตย หากรัฐล้ม เสรีภาพ สิทธิ และกระบวนการเลือกตั้งย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้

ด้วยเหตุนี้ การคัดค้านการยุบสภาในภาวะสงครามจึงไม่ใช่การต่อต้านประชาธิปไตย หากแต่เป็นการปกป้องสาระสำคัญของประชาธิปไตยไม่ให้ถูกบิดเบือนจนเหลือเพียงพิธีกรรมทางกฎหมายที่ไร้ความหมาย ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องตั้งอยู่บนความสมัครใจ เสรีภาพ และความปลอดภัยของประชาชน มิใช่บนการบังคับให้เดินหน้าท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านั้น

ในมิติของความรับผิดชอบทางการเมือง นักการเมืองในยามสงครามควรถูกคาดหวังให้แสดงวุฒิภาวะมากกว่าปกติ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเด็กน้อยโวยวายเอาของเล่นในวันหยุด การเร่งรัดเข้าสู่สนามเลือกตั้งในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญภัยคุกคามร้ายแรง และด้วยเหตุผลว่าแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ จึงต้องยุบสภา ย่อมทำให้สังคมตั้งคำถามว่า นี่คือการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ หรือเป็นเพียงการแสดงออกจากอารมณ์ที่ผิดหวัง ขุ่นข้องและคับแคบ

การแข่งขันทางอำนาจอาจรอได้ แต่ความมั่นคงของรัฐไม่อาจรอเวลา

การรักษาความเป็นเอกภาพของชาติในยามสงครามไม่ใช่การปิดปากความเห็นที่แตกต่าง หากแต่เป็นการขอให้ทุกฝ่ายหยุดเล่นการเมือง เพื่อให้ประเทศสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ก่อน เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ความสงบและความปลอดภัยกลับคืนมา การเลือกตั้งและการแข่งขันทางการเมืองตามครรลองประชาธิปไตยย่อมกลับมาได้อย่างสมบูรณ์และมีความหมายมากกว่าเดิม

ในยามที่ประเทศกำลังเผชิญเสียงปืน การยับยั้งการยุบสภาในภาวะสงครามจึงไม่ใช่การถอยหลังจากประชาธิปไตย หากคือการปกป้องประชาธิปไตยไม่ให้พังทลายไปพร้อมกับความวุ่นวายของสงคราม

ประเทศไทยต้องการเสถียรภาพ ความรับผิดชอบ และสติปัญญาทางการเมืองในยามนี้มากกว่าสิ่งใด และนี่คือบททดสอบสำคัญว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองจะเลือกยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของชาติ หรือยืนอยู่ข้างเกมน้ำเน่าทางการเมืองของตนเอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผงะ! ผลตรวจสอบซากโดรนพลีชีพโจมตีไทย เทคนิคเดียวกับสมรภูมิ 'ยูเครน–รัสเซีย'

เฉลยแล้วทำไมโดรนกัมพูชารุกหนัก 5 วันติด ใช้เนิน 745 , 677 พื้นที่สูง และใช้ระบบไฟเบอร์ออปติก ป้องกันเจมเมอร์ไทย ซากโดรนชี้ร่องรอยต่างชาติคุมโจมตีไทย พบเทคนิคเดียวกับสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย

'จตุพร' ฉะการเมืองตีโง่ ยุบสภากลางศึกสงคราม ส่อทหารใช้กฎอัยการศึกเลื่อนเลือกตั้งอีกยาว

'จตุพร' ฟาดนักการเมืองเอาแต่ใจ ตีโง่บีบยุบสภากลางศึกสงคราม ส่อประเคนอำนาจให้ทหารใช้กฎอัยการศึกเลื่อนเลือกตั้ง เผลอๆ อาจไม่มีสภาอีกยาวไกล

ยังไม่เลิกเพ้อ 'พรรคส้ม' จี้ ครม.กำหนดวันออกเสียงประชามติ จัดทำรธน.ใหม่คำถามที่1

พรรคประชาชน ออกแถลงการณ์พรรคประชาชนต่อรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยว่าด้วยการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการยุบสภา

อย่ารีบ เจรจาหยุดยิง หากยังไม่สร้าง สันติภาพที่ยั่งยืน

รศ.ดร.บุญส่ง ชเลธร สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ เรื่อง อย่ารีบเจรจาหยุดยิง หากยังไม่สร้างสันติภาพที่ยั่งยืน มีเนื้อหาดังนี้

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ฟาดนักการเมืองไทยใจเป็นทาส ให้ผู้นำไทยโทรหา 'ทรัมป์'

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีนักการเมืองเสนอแนะให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โทรหา โดนัล ทรัมป์