หลังศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาพิพากษาด้วยเสียงข้างมากเพิกถอนสิทธิ์คุ้มครองการทำแท้ง ทำให้เกิดเสียงคัดค้านด้วยความโกรธแค้นไปทั่วดินแดนแห่งเสรีภาพ พร้อมกลุ่มคนที่ออกมาประท้วงคำพิพากษาดังกล่าวอย่างกว้างขวางและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิทำแท้งประท้วงในรัฐโคโลราโด หลังศาลสูงสุดพิพากษาเพิกถอนสิทธิ์ทำแท้งของพลเมืองอเมริกัน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน (Photo by Jason Connolly / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2565 กล่าวว่า ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกาพิพากษาด้วยเสียงข้างมากในมติ 6 ต่อ 3 เพิกถอนกฎหมายคุ้มครองการทำแท้งที่มีมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความไม่เห็นด้วย และก่อให้เกิดการออกมาเดินขบวนประท้วงคำพิพากษาดังกล่าวด้วยความไม่พอใจจากการถูกลิดรอนสิทธิในการทำแท้งของชาวอเมริกัน
มีการคาดการณ์ว่า ผู้เดินขบวนประท้วงจะหลั่งไหลไปตามท้องถนนทั่วสหรัฐอเมริกาในวันเสาร์นี้ เนื่องจากความโกรธแค้นจากคำพิพากษาดังกล่าว
ฝ่ายบริหารในแต่ละรัฐ เริ่มออกกฎหมายสั่งห้ามการทำแท้งทันที ภายหลังศาลสูงสุดพิพากษาเมื่อวันศุกร์ ซึ่งการเพิกถอนสิทธิ์คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญที่มีมายาวนานกว่าห้าทศวรรษในครั้งนี้ กลายเป็นบรรทัดฐานที่อาจสร้างผลกระทบไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งบรรดาผู้นำทั่วโลกต่างออกมาแสดงความกังวลในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ
ศาลสูงสุดพิพากษาเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิมในคดีประวัติศาสตร์ ‘โร วี. เวด’ (Roe V. Wade) เมื่อปี 2516 ที่ตัดสินให้สตรีมีสิทธิ์ทำแท้งและการทำแท้งเป็นสิ่งถูกกฎหมายในสหรัฐอเมริกา ในครั้งนั้นศาลวินิจฉัยว่า รัฐธรรมนูญสหรัฐฯต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของหญิงตั้งครรภ์ในการเลือกทำแท้งได้โดยปราศจากข้อจำกัดของรัฐบาล แต่คำพิพากษาในครั้งล่าสุดเพิกถอนการคุ้มครองดังกล่าว และกำหนดให้แต่ละรัฐสามารถจำกัดหรือห้ามกระบวนการดังกล่าวได้ด้วยตนเอง ซึ่งหมายความว่าการทำแท้งไม่ใช่สิทธิ์ของพลเมืองที่ทำได้โดยอิสระอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละรัฐกำหนด
“รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้สิทธิ์ในการทำแท้ง และอำนาจในการควบคุมการทำแท้งจะถูกส่งคืนให้กับประชาชนและผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้ง" ตุลาการศาลสูงสุดกล่าวในคำวินิจฉัยของประเด็นดังกล่าว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านคำพิพากษานี้ และระบุว่าเป็น "ความผิดพลาดที่น่าสลดใจอันเนื่องมาจากอุดมการณ์สุดโต่ง"
“สุขภาพและชีวิตของผู้หญิงในประเทศนี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง” ไบเดนกล่าว พร้อมเตือนว่าสิทธิอื่นๆ เช่น การแต่งงานของคนเพศเดียวกันและการคุมกำเนิด อาจถูกคุกคามต่อไป
ไบเดนเรียกร้องให้สภาคองเกรสฟื้นฟูการคุ้มครองการทำแท้งให้เป็นกฎหมายของรัฐบาลกลาง และกล่าวว่าสิทธิในการทำแท้งจะเป็นประเด็นในการเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายน
การวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐฯในครั้งนี้ ก่อตัวขึ้นในประเทศต่างๆเช่นกัน รวมถึงจากพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างอังกฤษ ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เรียกสิ่งนั้นว่าเป็นการ "ก้าวถอยหลังครั้งใหญ่"
จัสติน ทรูโด ผู้นำของแคนาดาใช้คำว่า "เป็นเรื่องที่น่ากลัว" ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสกล่าวว่า "ขอเป็นส่วนหนึ่งร่วมกันกับบรรดาผู้หญิงที่ถูกท้าทายเสรีภาพในยุคสมัยนี้"
ชาวอเมริกันหลายร้อยคน บางคนร้องไห้ด้วยความดีใจ และบางคนเต็มไปด้วยความเศร้าโศก รวมตัวกันที่ด้านนอกศาลสูงสุดที่มีรั้วรอบขอบชิด ขณะที่คำตัดสินมีขึ้นในวันศุกร์
“เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าเราอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่เคารพผู้หญิงในฐานะมนุษย์ และสิทธิในการควบคุมร่างกายของพวกเรา” เจนนิเฟอร์ ล็อควูด-ชาบัต วัย 49 ปี หนึ่งในผู้ที่มารวมตัวประท้วงภายนอกศาล กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความผิดหวังจากคำพิพากษาดังกล่าว
ขณะที่ เกวน ชาร์ลส วัย 21 ปี หนึ่งในผู้ต่อต้านการทำแท้ง กลับแสดงความยินดีต่อคำพิพากษาดังกล่าว “นี่คือวันที่เรารอคอย วัฒนธรรมใหม่ของชีวิตถือกำเนิดแล้วในสหรัฐอเมริกา" ” ชาร์ลส์บอกกับเอเอฟพี
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคำพิพากษา รัฐมิสซูรีและรัฐเซาท์ดาโคตาออกกฎหมายสั่งห้ามการทำแท้งทันที โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับการข่มขืนหรือการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง แต่จะพิจารณาในกรณีที่ชีวิตของมารดามีความเสี่ยงเท่านั้น ขณะที่อีก 5 รัฐได้เริ่มคำสั่งห้ามการทำแท้งตามมา ได้แก่ รัฐอลาบามา, รัฐอาร์คันซอ, รัฐเคนตักกี, รัฐลุยเซียนา และรัฐโอคลาโฮมา และคาดว่าจะมีอีกหลายรัฐปฏิบัติตามคำพิพากษาในอีกไม่นาน เช่นเดียวกับการประท้วงเพิ่มขึ้นที่จะตามมา และประเด็นนี้ไม่น่าจะจบลงง่ายๆในสหรัฐอเมริกา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขำไม่ออก! อดีต รมว.กต. โวรัฐบาลอิ๊งค์เจรจาสหรัฐ-จีน กดดันกัมพูชาเคารพข้อตกลงสันติภาพได้สำเร็จ
"มาริษ" แนะดึงจีนร่วมกดดันกัมพูชาให้เคารพข้อตกลง-รักษาสมดุลมหาอำนาจ-สื่อสารสหรัฐฯ โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง
ลั่นไทยไม่ใช่นักเรียนประถม! จวกสหรัฐทำตัวเป็นครูใหญ่ถือไม้เรียวขู่
จวกสหรัฐอเมริกาใช้กำแพงภาษีขู่ไทยเหมือนครูใหญ่คุมเด็กประถม พร้อมชี้ไทยไม่ใช่สนามเด็กเล่นของวอชิงตัน และอธิปไตยไม่ใช่ของแลกผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์กับใครทั้งนั้น
ดร.กิตติธัช มองระงับเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ แค่แสดงอำนาจสไตล์อเมริกา ไม่เกี่ยวปมเขมร
นักวิชาการ มองในเชิงการเมืองระหว่างประเทศจะเห็นได้ชัดว่า สหรัฐฯ จงใจเลือกเล่น "เกมแสดงอำนาจ" ให้เห็นในช่วงเวลาที่ไทยกำลังกระชับสัมพันธ์การทูต
นักวิชาการแนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานรับมือ MOUแร่แรร์เอิร์ธ
'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานศึกษา-รับมือ เอ็มโอยูสหรัฐรุกไทยแร่หายาก ค้านตั้งเหมือง เต็มที่แค่ตั้งโรงงานสกัด เหตุเสี่ยงเจอมลพิษ สารปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี


