น้ำท่วมฉับพลันในรัฐเคนตักกี เสียชีวิต 8 ราย

ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 รายในรัฐเคนตักกีตะวันออก และทำให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เกิดเหตุบางส่วนติดอยู่บนหลังคาบ้านและตามต้นไม้รอความช่วยเหลือ

ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นบ้านเรือนที่จมอยู่ใต้น้ำท่วมที่ล้นทะลักจากแม่น้ำเคนตักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2022 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย หลังจากฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ทางตะวันออกของรัฐเคนตักกี้ (Photo by LEANDRO LOZADA / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กรกฏาคม 2565 กล่าวว่า เกิดฝนตกหนักในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางตอนเหนือของแม่น้ำเคนตักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้น้ำในแม่น้ำซึ่งปกติจะมีความลึกเพียงแค่ 1-2 ฟุตในช่วงเวลานี้ของปี สูงขึ้นถึง 20 ฟุต ซึ่งถือว่าสูงอย่างไม่เคยเกิดมาก่อนตามสถิติที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้

น้ำที่เอ่อล้นจากแม่น้ำ ได้ทะลักเข้าท่วมตัวเมืองอย่างฉับพลันจนพลเมืองผู้อยู่อาศัยตั้งตัวไม่ทัน ท่ามกลางบ้านเรือนที่จมน้ำ และทรัพย์สินเสียหาย

แอนดี บีเชีย ผู้ว่าการรัฐเคนตักกีกล่าวว่า ทางการได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองต่างๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำ และได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัย 4 ลำ เพื่อออกไปตระเวนช่วยเหลือตามจุดต่างๆที่เกิดเหตุ

บีเชียให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดกับสื่อท้องถิ่น กล่าวว่า "อุทกภัยครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดเท่าที่รัฐแห่งนี้เคยประสบ เราอาจมีตัวเลขผู้เสียชีวิตเกินเลข 2 หลัก แต่ในขณะนี้สามารถยืนยันได้เบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย และตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง ขณะที่มีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ และเรากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าถึงพวกเขาทุกคน"

บีเชีย กล่าวเสริมอีกว่า บ้านเรือนประมาณ 25,000 หลังเสียหาย, ไฟฟ้าดับทั่วทั้งรัฐ และอีกหลายแห่งไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยงจากน้ำท่วมฉับพลัน และเตือนว่าจะมีฝนตกหนักขึ้นอีก

หลายพื้นที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อนอย่างชัดเจน.

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กรกฏาคม 2565 กล่าวว่า เกิดฝนตกหนักในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางตอนเหนือของแม่น้ำเคนตักกี ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้น้ำในแม่น้ำซึ่งปกติจะมีความลึกเพียงแค่ 1-2 ฟุตในช่วงเวลานี้ของปี สูงขึ้นถึง 20 ฟุต ซึ่งถือว่าสูงอย่างไม่เคยเกิดมาก่อนตามสถิติที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้

น้ำที่เอ่อล้นจากแม่น้ำ ได้ทะลักเข้าท่วมตัวเมืองอย่างฉับพลันจนพลเมืองผู้อยู่อาศัยตั้งตัวไม่ทัน ท่ามกลางบ้านเรือนที่จมน้ำ และทรัพย์สินเสียหาย

แอนดี บีเชีย ผู้ว่าการรัฐเคนตักกีกล่าวว่า ทางการได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองต่างๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำ และได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัย 4 ลำ เพื่อออกไปตระเวนช่วยเหลือตามจุดต่างๆที่เกิดเหตุ

บีเชียให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดกับสื่อท้องถิ่น กล่าวว่า "อุทกภัยครั้งนี้ร้ายแรงที่สุดเท่าที่รัฐแห่งนี้เคยประสบ เราอาจมีตัวเลขผู้เสียชีวิตเกินเลข 2 หลัก แต่ในขณะนี้สามารถยืนยันได้เบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย และตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นทุกชั่วโมง ขณะที่มีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ และเรากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าถึงพวกเขาทุกคน"

บีเชีย กล่าวเสริมอีกว่า บ้านเรือนประมาณ 25,000 หลังเสียหาย, ไฟฟ้าดับทั่วทั้งรัฐ และอีกหลายแห่งไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยงจากน้ำท่วมฉับพลัน และเตือนว่าจะมีฝนตกหนักขึ้นอีก

หลายพื้นที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อนอย่างชัดเจน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดร.ธรณ์' แนะวิธีการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ คือทักษะสำคัญสุดของมนุษย์ยุคโลกร้อน

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ คือทักษะสำคัญสุดของมนุษย์ยุคโลกร้อน แนะนำเพื่อนธรณ์เริ่มต้นดังต่อไปนี้

ขำไม่ออก! อดีต รมว.กต. โวรัฐบาลอิ๊งค์เจรจาสหรัฐ-จีน กดดันกัมพูชาเคารพข้อตกลงสันติภาพได้สำเร็จ

"มาริษ" แนะดึงจีนร่วมกดดันกัมพูชาให้เคารพข้อตกลง-รักษาสมดุลมหาอำนาจ-สื่อสารสหรัฐฯ โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง

ลั่นไทยไม่ใช่นักเรียนประถม! จวกสหรัฐทำตัวเป็นครูใหญ่ถือไม้เรียวขู่

จวกสหรัฐอเมริกาใช้กำแพงภาษีขู่ไทยเหมือนครูใหญ่คุมเด็กประถม พร้อมชี้ไทยไม่ใช่สนามเด็กเล่นของวอชิงตัน และอธิปไตยไม่ใช่ของแลกผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์กับใครทั้งนั้น