รัสเซียจับกุมผู้ประท้วงกว่า 1,300 คน ที่ออกมาประท้วงต่อต้านคำสั่งระดมพลของปูติน

ชาวรัสเซียจำนวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านคำสั่งระดมพลทางทหารของปูติน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าจับกุมกว่า 1,300 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังล้อมจับผู้ประท้วงในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 21 กันยายน หลังประชาชนรัสเซียจำนวนมากออกมาเดินขบวนประท้วงทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านคำสั่งระดมพลทางทหารเพิ่มเติมในการสู้รบกับยูเครนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Photo by OLGA MALTSEVA / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2565 กล่าวว่า สืบเนื่องจากแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ในรัสเซียของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันพุธ ที่มีประเด็นหลักในการออกคำสั่งเรียกระดมพลทางทหารเพื่อเพิ่มเติมปฏิบัติการรบในยูเครน นอกจากจะทำให้ผู้นำโลกหลายประเทศออกมาประณามแล้ว ยังสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในรัสเซียเองอีกด้วย

ประชาชนรัสเซียที่ไม่พอใจคำสั่งดังกล่าว รวมทั้งที่ไม่ต้องการสงคราม ต่างออกมาเดินประท้วงตามท้องถนนใน 38 เมืองทั่วประเทศ พร้อมร้องตะโกนว่า "ไม่มีการระดมพล" นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรัสเซีย นับตั้งแต่บุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาควบคุมสถานการณ์และมีการจับกุมผู้ประท้วงเบื้องต้นกว่า 1,332 คน ตามข้อมูลของกลุ่มเอ็นจีโอในรัสเซีย

นักข่าวของเอเอฟพีในกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย รายงานว่า มีผู้ประท้วงตามท้องถนนใจกลางเมืองอย่างน้อย 50 คน ถูกตำรวจปราบจลาจลควบคุมตัวไว้

ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองหลวงเก่าของรัสเซีย ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีเห็นตำรวจล้อมกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มเล็กๆ ก่อนทำการจับกุมและพาขึ้นรถบัสไป

สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์อ้างคำพูดของกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย กล่าวว่า กระทรวงฯได้อนุมัติให้มีการจับกุมผู้ประท้วงในข้อหาจัดการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกิจกรรมชุมนุมทั้งหมดต้องหยุดลงทันที และบรรดาผู้ละเมิดคำสั่งห้าม จะถูกตำรวจจับกุมและและดำเนินคดี

มีรายงานจากสนามบินต่างๆในรัสเซียว่า เริ่มมีการจองเที่ยวบินออกจากรัสเซียจนเต็มหลายเที่ยวบินแล้วในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ประชาชนรัสเซียบางส่วนที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับสงคราม อาจกำลังอพยพออกจากประเทศ

เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย กล่าวสอดคล้องกับคำแถลงของปูตินว่า จะมีการเรียกระดมกำลังสำรอง 300,000 นายในเบื้องต้น เพื่อนำไปเสริมปฏิบัติการทางทหารในยูเครนตะวันตก และอาจรวมถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน.