WHOชี้โอไมครอนเสี่ยงสูงระบาดทั่วโลก ญี่ปุ่นกลัวหนักสั่งปิดประเทศ

องค์การอนามัยโลกเตือน "โอไมครอน" มีโอกาสแพร่กระจายระหว่างประเทศ ก่อความเสี่ยง "สูงมาก" ที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อบางพื้นที่โดยเฉพาะประเทศที่อัตราการฉีดวัคซีนต่ำ แคนาดา-เดนมาร์กพบผู้ติดเชื้อด้วย ญี่ปุ่นกลัวหนักปิดประเทศห้ามชาวต่างชาติเข้าตามอย่างอิสราเอล

Getty Images

รายงานรอยเตอร์และเอเอฟพีกล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) มีคำเตือนเมื่อวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยระบุว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ในส่วนของโปรตีนหนามหลายตำแหน่งมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

"ความเสี่ยงทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ที่น่ากังวลสายพันธุ์ใหม่นี้ได้รับการประเมินว่าสูงมาก" ดับเบิลยูเอชโอเตือน พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก 194 ประเทศ เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง, คาดหมายจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะเพิ่มขึ้น และเตรียมพร้อมแผนบรรเทาเพื่อรักษาบริการสาธารณสุขที่จำเป็น

ดับเบิลยูเอชโอกล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวโยงกับโอไมครอน แต่ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อประเมินศักยภาพของไวรัสสายพันธุ์นี้ในการหลบหนีการป้องกันจากการฉีดวัคซีนสร้างภูมิต้านทานหรือภูมิต้านทานที่เกิดหลังการติดเชื้อ

อย่างไรก็ดี หากโอไมครอนได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้อันตรายหรือร้ายแรงถึงชีวิตเหมือนสายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้ แต่ถ้าไวรัสนี้แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น ก็จะเพิ่มแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุข และอาจนำไปสู่การป่วยและการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะในประเทศที่อัตราการฉีดวัคซีนต่ำ

องค์การอนามัยโลกได้รับรายงานจากแอฟริกาใต้เรื่องการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์นี้เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นับแต่นั้นไวรัสนี้ได้แพร่ไปแล้วในหลายประเทศ ล่าสุดรัฐบาลแคนาดาประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าพบผู้ติดเชื้อ 2 รายเป็นผู้ที่เดินทางมาจากไนจีเรีย ส่วนเดนมาร์กยืนยันว่า พบผู้โดยสารในเที่ยวบินจากแอฟริกาใต้ 2 คนติดเชื้อ ขณะที่บอตสวานา ประเทศในทวีปแอฟริกาที่อยู่นอกภูมิภาคแอฟริกาใต้ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อโอไมครอน กล่าวในวันอาทิตย์ว่า พบผู้ติดเชื้อแล้ว 19 คน รวมถึง 4 คนที่รายงานไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน

ถึงขณะนี้ประเทศที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้วได้แก่ แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, เบลเยียม, บอตสวานา, อังกฤษ, แคนาดา, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิสราเอล, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และเขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีน

หลายประเทศประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางจากประเทศในภูมิภาคแอฟริกาใต้ ทั้งการห้ามเดินทางเข้าและระงับเที่ยวบิน แต่อิสราเอลเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการเข้มข้นที่สุด โดยห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศเริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ และในวันจันทร์ ญี่ปุ่นก็ประกาศใช้มาตรการในแบบเดียวกัน

นายกฯ ฟูมิโอะ คิชิดะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะปิดพรมแดนไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศตั้งแต่วันอังคาร มาตรการนี้เป็นมาตรการพิเศษที่ใช้ชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย จนกว่าจะมีข้อมูลชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับโอไมครอน คำประกาศของเขาไม่ได้กล่าวว่าจะปิดประเทศนานเท่าใด แต่ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางกลับจากประเทศที่ระบุไว้จะต้องถูกกักตัวในสถานที่ที่กำหนด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอธีระวัฒน์' แฉข้อมูล องค์การอนามัยโลก พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด กลับเพิ่มมากขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีน

ศ. นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก

ระวังอันตรายจากวัณโรคปี 67 เสียชีวิตกว่า 1.3 หมื่นราย

รบ.เตือนระวังอันตรายจากวัณโรค ปี 2567 พบผู้ป่วยรายใหม่พุ่งสูงกว่า 113,000 ราย เสียชีวิตกว่า 13,000 ราย รัฐบาลตั้งเป้าลดอัตราการตายจากวัณโรคลง 95% และลดผู้ป่วยรายใหม่ลงให้ได้ถึง 90%

ศูนย์จีโนมฯ เจาะลึก 'วัคซีนอีโบลา' ออกฤทธิ์ไว หลังฉีด 30 นาที ป้องกันติดเชื้อได้

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เจาะลึกวัคซีนอีโบลาล่าสุด : สร้างเกราะป้องกันได้ใน 30 นาทีก่อนได้รับเชื้อ