หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติประกาศว่ากำลังผลักดันประเด็นการเปลี่ยนแปลงของหิมะภาคให้มีความสำคัญสูงสุดในระยะต่อไป โดยกล่าวว่าการละลายของทะเลน้ำแข็ง, ธารน้ำแข็ง และเพอร์มาฟรอสต์ ถือเป็นภัยคุกคามระดับโลก

ธารน้ำแข็งละลายในรัฐอลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา (Photo by JOE RAEDLE / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2566 กล่าวว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของน้ำแข็งละลายต่อระดับน้ำทะเล, ภัยธรรมชาติ รวมทั้งระบบนิเวศและเศรษฐกิจ
หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติกล่าวที่ประชุมสมาชิกว่า "ปัญหาการละลายของพื้นที่โลกที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหรือหิมะเป็นประเด็นที่น่ากังวล ไม่เพียงแต่สำหรับอาร์กติกและแอนตาร์กติกเท่านั้น แต่เป็นปัญหาระดับโลกด้วย"
การประชุมในเจนีวาเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเพิ่มเงินทุนสำหรับการสังเกตการณ์และการคาดการณ์ที่ประสานกันมากขึ้น รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล, การวิจัย และการบริการที่ดีขึ้น
ประเทศที่อยู่ห่างไกลจากบริเวณขั้วโลก เช่น ในทะเลแคริบเบียนและแอฟริกา แสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงของหิมะภาคหรือ ไครโอสเฟียร์ (Cryosphere) จะส่งผลกระทบต่อโลกทั้งใบ
"ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริเวณขั้วโลกและบริเวณภูเขาสูง ล้วนมีที่มาจากสิ่งอื่นที่อยู่ภายนอกพื้นที่เหล่านั้น ผู้คนกว่าพันล้านคนต้องพึ่งพาน้ำจากหิมะและธารน้ำแข็งที่ละลายซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสายสำคัญของโลก เมื่อธารน้ำแข็งเหล่านั้นถอยร่น คุณต้องคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความมั่นคงทางน้ำของผู้คนเหล่านั้น" แคลร์ นูลลิส โฆษกหญิงขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติกล่าว
นอกเหนือจากการดำเนินการตามข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศปารีสปี 2558 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติยังกล่าวอีกว่า ทุกพื้นที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบที่ดีขึ้นเพื่อติดตามขนาดและความเร็วของการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการจัดการทรัพยากรน้ำ
การละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาคิดเป็นประมาณ 50% ต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเร่งตัวขึ้น และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบมากขึ้นต่อประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะเล็กๆ และพื้นที่ชายฝั่งที่มีประชากรหนาแน่น
ทั้งนี้ น้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกาลดลงเหลือ 1.92 ล้านตารางกิโลเมตรในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2534-2563 เกือบ 1 ล้านตารางกิโลเมตร
ในขณะเดียวกัน ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว หรือเพอร์มาฟรอสต์ (permafrost) ในอาร์กติกถือเป็น "ยักษ์ผู้หลับใหล" ของปรากฏการณ์ก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากมันกักเก็บคาร์บอนได้มากเป็นสองเท่าของบรรยากาศในทุกวันนี้ ตามรายงายของหน่วยงานฯ
การประชุมขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นวาระประชุมทุก 4 ปีของรัฐสมาชิก เพื่อกำหนดทิศทางและลำดับความสำคัญของหน่วยงานสหประชาชาติในอีก 4 ปีข้างหน้า
ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการริเริ่มการเฝ้าระวังก๊าซเรือนกระจกโลกระยะใหม่ เพื่อเติมเต็มช่องว่างข้อมูลที่สำคัญและจัดทำกรอบการทำงานแบบบูรณาการสำหรับการสังเกตการณ์ตามอวกาศและพื้นผิวโลก
"ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอันที่จริงแล้วสูงกว่าครั้งใดๆ ในช่วง 800,000 ปีที่ผ่านมา" หน่วยงานฯ ระบุ
ประเทศสมาชิกกำลังหารือเกี่ยวกับแผนการเพื่อให้แน่ใจว่าทุกประเทศจะได้รับการคุ้มครองโดยระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติทางอุตุนิยมวิทยาภายใน 5 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.ธรณ์' ยกเหตุน้ำท่วมหาดใหญ่ พรรคการเมืองให้ความสำคัญกับโลกร้อน กลายเป็นนโยบายหลัก
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า
LOXLEY จับมือ CHOW ขับเคลื่อนพลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลงนาม MOU ติดตั้งโซลาร์เซลล์กว่า 36 เมกะวัตต์ทั่วประเทศ
บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท เชาว์ ไบรท์ เวนเจอร์ส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ดำเนินธุรกิจลงทุนในพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์
กลุ่มไทยออยล์รับมอบใบประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) ทั้งธุรกิจปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และไฟฟ้า
เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มไทยออยล์ ประกอบด้วยบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด บริษัท ลาบิกซ์ จำกัด บริษัท บริษัท
ปลื้ม ! ปตท. ได้รับรองมาตรฐานหน่วยตรวจสอบทวนสอบก๊าซเรือนกระจก สะท้อนจุดยืนมุ่งเน้นการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ
ปัจจุบันเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ถือเป็นเป้าหมายหลักของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากทุกกิจกรรมของมนุษย์สนับสนุนให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


