อิตาลี ข้างนอกสดใส ข้างในปั่นป่วน ภายใต้การนำของ 'จิออร์เจีย เมโลนี'

ผู้นำรัฐบาลอิตาลีกำลังสร้างฐานอำนาจให้ตัวเอง ช่วงปีแรกของการทำงาน จิออร์เจีย เมโลนีพยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาด “ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราจะรู้ว่าใครคือเพื่อนของเรา” เธอเคยกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ระหว่างการพบปะกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ โดยย้ำว่ารัฐบาลของเธอสนับสนุนนาโตอย่างเข้มแข็ง

แต่จุดยืนของอิตาลีต่อฝ่ายศัตรูนั้นดูเหมือนไม่ชัดเจน เพราะเมโลนีเป็นฝ่ายต่อต้านสหภาพยุโรปมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เธอพยายามไม่สร้างปัญหาหรือความไม่พอใจให้บรัสเซลส์มากจนเกินไป

ต่อกรณียูเครน หลายประเทศในยุโรปรวมทั้งสหรัฐฯ พากันเกรงว่ารัฐบาลของเมโลนีจะไม่เข้าข้างเคียฟ เนื่องจากทั้งพรรค Forza Italia และ Lega ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเพิ่งแสดงตัวว่าใกล้ชิดกับฝ่ายรัสเซีย แต่ในทางกลับกันเธอก็ยึดมั่นในแนวทางของหัวหน้าพรรคคนก่อนหน้า และรับรองความเป็นปึกแผ่นของอิตาลีกับยูเครน

การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศและนโยบายทางการเงินอาจมีความเสี่ยงเกินไป นั่นเพราะอิตาลีพึ่งพาการชำระเงินหลายพันล้านจากกองทุนฟื้นฟูสหภาพยุโรปมากเกินไป และเศรษฐกิจของอิตาลีมีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดภายในยุโรป แม้ว่าเธอจะทำให้ผู้สังเกตการณ์นานาชาติมั่นใจถึงจุดยืนของอิตาลีที่สนับสนุนนาโตจนถึงตอนนี้ได้ แต่การเมืองภายในประเทศของเมโลนีกลับส่อเค้าความน่ากังวล

เป้าหมายหลักสามประการที่เมโลนีต้องการดำเนินการ คือ (1) การทำแท้ง (2) ชุมชน LGBTQ+ (3) ผู้อพยพ

ในประเด็นแรก ตัวเมโลนีเองแสดงบทบาทที่ซาบซึ้งด้วยเรื่องราวที่เธอเขียนในชีวประวัติของเธอว่า แม่ของเธอเกือบจะทำแท้ง เรื่องราวส่วนตัวของเธอในฐานะผู้หญิงที่เติบโตมาโดยไม่มีพ่อ และเห็นได้ชัดว่าเป็น “ผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยตัวเอง” ในประเทศที่มีผู้ชายเป็นใหญ่ ช่วยให้เมโลนีมีสถานะที่สำนักวาติกันเองก็ยกย่องชื่นชม ซึ่งความจริงแล้วรัฐบาลอิตาลีให้การสนับสนุนและจัดหาเงินทุนแก่องค์กร Pro Life ศูนย์ให้คำปรึกษาในโรงพยาบาลสำหรับผู้หญิงที่ต้องการทำแท้ง

สำหรับชุมชน LGBTQ+ รัฐบาลของเธอได้ออกคำสั่งห้ามรับรองบุตรของคู่รักเกย์นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 มาตรการที่กลายเป็นประเด็นโต้แย้งในสังคมอิตาลีนี้ถูกรัฐสภายุโรปประณาม นอกจากนั้นมันยังเป็นการแสดงอำนาจของรัฐบาลเหนือการเมืองท้องถิ่นที่ปกครองชุมชนโดยกลุ่มซ้ายจัด ซึ่งกำลังทำให้กลุ่ม LGBTQ+ เป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดก้าวหน้าของพวกเขา

ส่วนประเด็นผู้อพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมโลนีเลือกที่จะถอนข้อเสนอของเธอสำหรับ “การปิดล้อมทางเรือ” ไปใช้แนวทางด้านมนุษยธรรมแทน โดยไปช่วยพวกเขาบนพื้นดิน ดังนั้นเธอจึงเดินทางไปเจรจา เสนอเงินสนับสนุนประเทศในแอฟริกาเพื่อยับยั้งสาเหตุของการอพยพหลบหลีที่ต้นเหตุ อย่างเช่นกรณีของตูนิเซีย เธอเสนอให้ยับยั้งการข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงปราบปรามธุรกิจขนส่งมนุษย์และของผิดกฎหมาย

ปัจจุบันจิออร์เจีย เมโลนีไม่มีคู่ต่อสู้ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว นับตั้งแต่การจากไปของซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ผู้ซึ่งไม่ต้องการเห็นเธอในตำแหน่งผู้นำรัฐบาล เส้นทางการบริหารประเทศจึงดูราบรื่นสำหรับเธอ แต่ข้อสงสัยยังคงมีอยู่เกี่ยวกับความยืนหยุ่นทางเศรษฐกิจของอิตาลี เนื่องจากเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปที่ลดลง และนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ไม่ตรงเป้าหมายที่คาดไว้

ในฐานะประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสามของสหภาพการเงินยุโรป อิตาลีต้องยอมรับการลดลงอย่างน่าตกใจของ GDP ที่ร้อยละ 0.3 การยกเลิกกองทุนช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านมติสภาไปเมื่อเดือนพฤษภาคม และประกาศแจ้งถึงชาวอิตาลี 169,000 คนผ่านทาง SMS เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลที่ตามมาคือ การประท้วงที่หน้าสำนักงานประกันสังคม แต่โชคดีที่วันหยุดฤดูร้อนใหญ่ของอิตาลีเข้ามาขัดขวางการประท้วงครั้งใหญ่เสียก่อน

นอกจากนั้นอิทธิพลของรัฐบาลฝ่ายขวายังเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นในสถาบันและหน่วยงานของรัฐ อย่างเช่นการปรับลดหรือปลดพนักงานด้วยเหตุผลทางการเมือง

รัฐบาลของเมโลนียังทำงานไม่ครบหนึ่งปี แต่มีสองสิ่งเริ่มปรากฏชัด ด้านหนึ่ง-เน้นปฏิบัตินิยมและความต่อเนื่องในนโยบายต่างประเทศ กับอีกด้านหนึ่ง-ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ตอนหาเสียงต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอิตาลีของเธอ.