สิงคโปร์จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ

ชาวสิงคโปร์มุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ท่ามกลางการจับตาทางการเมืองเรื่องบทบาทที่อาจเอนเอียง

ชาวสิงคโปร์เดินทางมาลงคะแนนเสียงที่หน่วยเลือกตั้งระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัฐ เมื่อวันที่ 1 กันยายน (Photo by Roslan RAHMAN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 กล่าวว่า สิงคโปร์จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี โดยบทบาทของประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงพิธีการ แต่ก็มีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับตำแหน่งดังกล่าว เพราะเป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบดูแลเงินสำรองสะสมของประเทศอย่างเป็นทางการ, ใช้อำนาจในการยับยั้งมาตรการบางอย่าง และสามารถอนุมัติการสอบสวนกรณีทุจริตคอร์รัปชัน

ตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์ถูกกำหนดให้มีสถานะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่เส้นแบ่งทางการเมืองล่าสุดดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้

ปัจจุบัน ฮาลิมาห์ ยาคอบ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 8 ของสิงคโปร์ ในวาระ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2560 ขณะที่หัวหน้ารัฐบาลได้แก่นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง จากพรรคกิจประชาชน (พีเอพี)

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การลงคะแนนเสียงครั้งนี้อาจบ่งบอกถึงระดับการสนับสนุนฐานอำนาจของพรรครัฐบาล ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะครบกำหนดภายในปี 2568 หรืออาจเป็นตัวบ่งชี้ความไม่พอใจหลังเกิดเรื่องอื้อฉาวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งรวมถึงการสอบสวนการทุจริตรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม และการลาออกของสมาชิกสภานิติบัญญัติ 2 คนจากเรื่องชู้สาว

ตัวเต็งในการคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป ได้แก่ ธาร์แมน แชนมูการัตนัม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของพรรคกิจประชาชนที่ลาออกก่อนมาลงสมัครรับเลือกตั้ง

นักเศรษฐศาสตร์วัย 66 ปีรายนี้ถูกมองว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และถูกตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระและความเป็นกลางทางการเมืองของเขาในระหว่างการรณรงค์หาเสียง

ผู้สมัครอีกคนคือตัน คิน เหลียน อดีตผู้บริหารสหกรณ์ประกันภัยยักษ์ใหญ่และเก่าแก่ของสิงคโปร์ วัย 75 ปี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำพรรคฝ่ายค้านหลายคน

ผู้สมัครคนที่สามคืออึ้ง ก๊ก ซง วัย 75 ปี เป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ (จีไอซี)

พรรคกิจประชาชนกำลังเผชิญกับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องหายากของประเทศนี้ที่มีชื่อเสียงด้านรัฐบาลที่ขาวสะอาด ประกอบกับคะแนนความนิยมที่เสื่อมลงไปมากจากการเลือกตั้งล่าสุดในปี 2563 แต่ยังคงรักษาเสียงข้างมากกว่า 2 ใน 3 ของสภาไว้ได้

การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีถือเป็นภาคบังคับสำหรับพลเมืองที่มีสิทธิ์มากกว่า 2.7 ล้านคนของสิงคโปร์ ผู้ที่ไม่ลงคะแนนเสียงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรอาจเสี่ยงที่จะถูกลบออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

สิงคโปร์กำหนดให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีต้องดำรงตำแหน่งข้าราชการอาวุโสหรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่มีมูลค่าสัดส่วนของผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 13,000 ล้านบาท)

หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของประธานาธิบดีคือ การทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลทุนสำรองทางการเงินของสิงคโปร์ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์พิเศษเท่านั้น เช่น การระบาดใหญ่ของโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ของโลกในปี 2552.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการ ยกเคส 'Taylor Swift' จี้รัฐบาลใช้สมองขจัดจุดอ่อนการท่องเที่ยว ให้ยั่งยืน

'อ.หริรักษ์' ยกรณีสิงคโปร์ใช้เงินจัดคอนเสิร์ต Taylor Swift แนะรัฐบาลแข่งขันด้วยจุดแข็งของประเทศเราขจัดจุดอ่อนที่ยังมีอยู่ให้หมดไปพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระยะยาว เลิกคิดเรื่อง digital wallet อย่าใช้สมองคิดหาทางนำ ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านแบบ ทักษิณ

'เศรษฐา' ถกผู้นำสิงคโปร์หวังต่อยอดทั้งการค้าการลงทุน

นายกฯ เร่งต่อยอดความร่วมมือกับสิงคโปร์ในมิติหลากหลาย เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจพัฒนาต่อยอดให้ทันสมัยร่วมกัน

'วิโรจน์' ป้อง 'หมออ๋อง' อ้างไปถึงผู้นำสิงคโปร์ ซัด พท. ไร้สาระ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี สส.พรรคเพื่อไทย ตำหนิการแต่งกายของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1