หลายสิบประเทศจะลงนามในสนธิสัญญาประวัติศาสตร์ว่าด้วยการปกป้องทะเลหลวง เพื่อเริ่มบังคับใช้ข้อตกลงที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบนิเวศสำคัญของโลก

นักเคลื่อนไหวจากกรีนพีซกางป้ายขนาดใหญ่หน้าสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาเพื่อปกป้องทะเลหลวง ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา (Photo by Ed JONES / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 20 กันยายน 2566 กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวภายหลังสนธิสัญญาว่าด้วยทะเลหลวงได้รับการรับรองในที่ประชุมสหประชาชาติเมื่อเดือนมิถุนายน ล่าสุด หลายสิบประเทศจะทำการลงนามเป็นครั้งแรกในสนธิสัญญาดังกล่าว เพื่อเริ่มบังคับใช้อย่างเร่งด่วน
สนธิสัญญาทะเลหลวงถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบนิเวศที่สำคัญต่อโลก โดยการผลักดันขององค์การสหประชาชาติ ที่ใช้เวลาหารือกันนานกว่า 15 ปี รวมถึงการเจรจาอย่างเป็นทางการอีก 4 ปี
"การเริ่มต้นการลงนามในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ประจำปีของสหประชาชาติ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการคุ้มครองที่มีความหมาย" นิโคลา คลาร์ก จากโครงการธรรมาภิบาลมหาสมุทรขององค์กร The Pew Charitable Trusts กล่าว และเสริมว่า "เราเริ่มต้นบทใหม่ที่ประชาคมโลกต้องดำเนินการอย่างกล้าหาญเพื่อให้บรรลุถึงการคุ้มครองเหล่านั้น และรับประกันว่าแหล่งกักเก็บความหลากหลายทางชีวภาพขนาดมหึมาในมหาสมุทรจะยังคงให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของมหาสมุทรและชุมชนทั่วโลกที่ต้องพึ่งพามัน"
ข้อความของสนธิสัญญาได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการโดยฉันทามติ แม้รัสเซียจะท้วงว่ามีเนื้อหาบางส่วนไม่เป็นที่ยอมรับก็ตาม
ทั้งนี้ทะเลหลวง (มหาสมุทร) กว่าครึ่งของโลกอยู่นอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะหรือนอกชายฝั่งเกินกว่า 370 กิโลเมตรของแต่ละประเทศ จึงไม่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของรัฐใดรัฐหนึ่งในการรับผิดชอบ ดังนั้นการให้ความคุ้มครองสิ่งที่เรียกว่า "ทะเลหลวง" จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกประเทศ
ทะเลหลวงถูกละเลยมานานในการต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อมหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากผู้คนมักจะสนใจอยู่แค่พื้นที่ชายฝั่งและสิ่งมีชีวิตหลักๆไม่กี่ชนิด
เครื่องมือสำคัญในสนธิสัญญาดังกล่าวคือ การกำหนดความสามารถในการสร้างพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในน่านน้ำสากล ซึ่งปัจจุบัน ทะเลหลวงเพียงประมาณ 1% เท่านั้นที่ได้รับการคุ้มครองโดยมาตรการอนุรักษ์ทุกประเภท
สนธิสัญญานี้ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อประเทศต่างๆ ที่จะปกป้อง 30% ของมหาสมุทรและผืนดินของโลกภายในปี 2573 ตามข้อตกลงแยกอีกฉบับที่รัฐบาลโลกได้บรรลุร่วมกันในแคนาดาเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
สนธิสัญญาทะเลหลวงมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สนธิสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพนอกเหนือเขตอำนาจแห่งชาติ" หรือบีบีเอ็นเจ (BBNJ) และได้รับการคาดหวังให้มีการผลักดันสู่การให้สัตยาบันของทุกประเทศสมาชิกในการประชุมมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติครั้งต่อไปที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนมิถุนายน 2568
หลังจาก 60 ประเทศให้สัตยาบันครบแล้ว สนธิสัญญาจะมีผลใช้บังคับภายใน 120 วัน
ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ รัฐบาลมากกว่า 60 ประเทศวางแผนที่จะเริ่มสนธิสัญญานี้ทันที แต่การให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการขึ้นอยู่กับกระบวนการภายในของแต่ละประเทศ
นักวิทยาศาสตร์เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของมหาสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะแหล่งผลิตออกซิเจนส่วนใหญ่ที่มนุษย์ใช้ในการหายใจ และมีบทบาทในการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในระดับจุลภาค.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไชยชนก' ร่วมลงนามอนุสัญญา UN จับมือ 68 ประเทศทั่วโลก ลุยต่อต้านภัยสแกมเมอร์
นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) พร้อมด้วยนายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดีอี น.ส.อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมพิธีลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์
ผู้แทนยูเอ็น ห่วงสวัสดิภาพ สว.อังคณา
นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ เจ้าของฉายานักข่าวเทวดา โพสต์ข้อความใน x ระบุว่า ด่วน! ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้ ตอนนี้ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นาง แมรี่ เลาลอร์ Mary Lawlor
'อดีตผู้พิพากษา' กางหลักเกณฑ์ ไทย-กัมพูชา ไม่สามารถร้องเรียน CAT ได้ แต่ร้องผ่าน HRC ได้
นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา โพสต์ข้อความ เรื่อง หลักเกณฑ์การร้องเรียน องค์กรผู้วินิจฉัย และการผูกพันตามคำวินิจฉัยคดี CAT มีเนื้อหาดังนี้
รศ.ดร.ปณิธานให้จับตาประชุม สมช.วันนี้วัดใจ 'นายกฯ-กองทัพ' จัดการกัมพูชา!
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและต่างประเทศ
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ‘สีหศักดิ์’ ไปร่วม UNGA ทำได้ ไม่ขัด รธน.
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า เมื่อ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนู
'มาริษ' ฟ้อง 'ออตตาวา-ยูเอ็น' ให้กดดันกัมพูชาปฏิบัติตามอนุสัญญาอย่างสมบูรณ์
“มาริษ” เปิดข้อมูล ”เขมร”วางระเบิดใหม่ทำทหารไทยทุพพลภาพ ฟ้องรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ให้กดดันกัมพูชากลับสู่การปฏิบัติตามอนุสัญญาอย่างสมบูรณ์


