อิสราเอลและฮามาสประกาศข้อตกลงเมื่อวันพุธที่อนุญาตให้ตัวประกันอย่างน้อย 50 คนและนักโทษชาวปาเลสไตน์อีกจำนวนหนึ่งได้รับการปล่อยตัว ขณะเดียวกันก็เสนอการพักรบชั่วคราวเป็นเวลา 4 วันในฉนวนกาซา หลังดำเนินสงครามต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์
รูปถ่ายตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซานับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ถูกนำมาเผยแพร่ในกรุงเทลอาวีฟ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน (Photo by AHMAD GHARABLI / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า ถือเป็นความก้าวหน้าทางการทูตครั้งใหญ่ในสงครามฉนวนกาซาที่นองเลือดที่สุดเท่าที่เคยมีมา เมื่อกลุ่มฮามาสเตรียมปล่อยตัวผู้หญิงและเด็ก 50 คนที่ถูกลักพาตัวระหว่างการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล
หลังจากหลายสัปดาห์ของการเจรจาโดยมีกาตาร์เป็นคนกลาง ในที่สุดคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลอิสราเอลได้อนุมัติข้อตกลงหยุดยิงในช่วงท้ายของการประชุมเกือบตลอดทั้งคืน โดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู บอกกับบรรดารัฐมนตรีว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ การลงนามของคณะรัฐมนตรีเป็นหนึ่งในอุปสรรคสุดท้ายที่ทำให้ข้อตกลงไม่เกิดขึ้นเร็วกว่านี้ และทำให้สถานการณ์ตัวประกันอยู่ในภาวะบีบคั้นมาตลอด 5 สัปดาห์ของกระบวนการเจรจา
กระทรวงการต่างประเทศของกาตาร์ยืนยันข้อตกลงดังกล่าว โดยระบุว่า ผู้หญิงและเด็กชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งที่ถูกคุมขังในเรือนจำอิสราเอล จะได้รับการปล่อยตัวเพื่อแลกกับตัวประกัน
"เวลาเริ่มต้นของการหยุดยิงชั่วคราวจะประกาศภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า และคงอยู่เป็นเวลา 4 วัน ทั้งนี้อาจมีเงื่อนไขขยายเวลาออกไป" กระทรวงฯ ระบุ
สื่อระดับภูมิภาครายงานว่า เงื่อนไขตัวประกันที่จะได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาสคือ ผู้หญิงและเด็ก ส่วนนักโทษปาเลสไตน์ที่จะถูกปล่อยจากเรือนจำอิสราเอลคือ ผู้หญิงและผู้ถูกคุมขังที่มีอายุ 18 ปีหรือต่ำกว่า โดยกระบวนการนี้อาจเริ่มในวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)
กลุ่มฮามาสแสดงความยินดีกับการอนุมัติข้อตกลง และหวังว่าการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมครั้งนี้ จะช่วยให้ชาวปาเลสไตน์ 150 คนถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำอิสราเอล
"กลุ่มต่อต้านมุ่งมั่นที่จะหยุดยิงตราบใดที่กลุ่มยึดครองยังคงให้เกียรติ" เจ้าหน้าที่กลุ่มฮามาสกล่าวกับเอเอฟพี
สงครามฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้นหลังจากนักรบของกลุ่มฮามาส เปิดฉากการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
ขณะที่ฮามาสและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์รายอื่นๆ ได้จับชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติประมาณ 240 คนไปเป็นตัวประกัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็กเล็ก
อิสราเอลประกาศสงครามกับกลุ่มฮามาส โดยให้คำมั่นว่าจะนำตัวประกันกลับบ้านและทำลายกลุ่มติดอาวุธให้สิ้นซาก
กองกำลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทิ้งระเบิดครั้งใหญ่และใช้การรุกภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ทำให้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 14,100 ราย และในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายพันคน
อิสราเอลกล่าวว่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการปล่อยตัวตัวประกัน อิสราเอลจะเริ่มต้น "หยุดปฎิบัติการทางทหาร" ในฉนวนกาซา เป็นเวลา 4 วัน ทั้งทางอากาศ, ทางบก และทางทะเล ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงคราม
ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลระบุว่า หากมีการปล่อยตัวตัวประกันเพิ่มเติมทุกๆ 10 คน จะมีการ "หยุดปฎิบัติการทางทหาร" เพิ่ม 1 วัน เป็นการแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ อิสราเอลยังเปิดเผยรายชื่อนักโทษชาวปาเลสไตน์ 300 คนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาปล่อยตัว โดยไม่ระบุว่าใครอาจได้รับการปล่อยตัวในระยะแรก
ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการตอบรับจากหลายประเทศ เช่น อังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, จอร์แดน และอียิปต์ โดยที่หลายฝ่ายยกย่องกาตาร์, อียิปต์ และสหรัฐอเมริกา จากความสำเร็จของการไกล่เกลี่ยครั้งนี้
ทางการปาเลสไตน์ร่วมยกย่องข้อตกลงดังกล่าวด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการรุกรานทั้งหมดและส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้คนในพื้นที่
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ตัวประกันเหล่านี้จะได้กลับมาอยู่รวมกันกับครอบครัวอีกครั้งเมื่อข้อตกลงได้รับการปฏิบัติโดยสมบูรณ์
แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ รายหนึ่งเชื่อว่า ชาวอเมริกัน 3 คน และเด็ก วัย 3 ขวบ จะเป็นหนึ่งใน 50 คนที่ได้รับการจัดสรรให้ปล่อยตัวตั้งแต่วันพฤหัสบดีเป็นต้นไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองทัพอิสราเอลสั่งอพยพผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์จากเมืองราฟาห์
กองทัพอิสราเอลเริ่มอพยพผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในเมืองราฟาห์ บริเวณชายแดนฉนวนกาซาติดกับอียิปต์แล้วเมื่อวันจันท