สหรัฐฯ กร้าวตอบโต้เด็ดขาด หลังทหารถูกโจมตีด้วยโดรนในจอร์แดน

ทำเนียบขาวให้คำมั่นเมื่อวันจันทร์ว่าจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดต่อการโจมตีในจอร์แดนที่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คร่าชีวิตทหารอเมริกัน 3 นายในฐานทัพทหารแห่งหนึ่ง

ภาพถ่ายดาวเทียมของฐานทัพ 'ทาวเวอร์ 22' ซึ่งดำเนินการโดยกองทหารสหรัฐฯ อันเป็นส่วนหนึ่งของแนวร่วมระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ใกล้ชายแดนจอร์แดนติดกับอิรักและซีเรีย (Photo by Planet Labs / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม 2567 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุโดรนโจมตีลำหนึ่งพุ่งชนฐานทัพทหารแห่งหนึ่งในจอร์แดนเมื่อวันอาทิตย์และคร่าชีวิตทหารอเมริกัน 3 นายขณะนอนหลับอยู่บนเตียง ทำเนียบขาวออกมาให้คำมั่นเมื่อวันจันทร์ว่าจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดต่อการโจมตีดังกล่าวที่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน

ความสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการเสียชีวิตครั้งแรกของทหารสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเริ่มต้นขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงและแพร่ระบาดจากฉนวนกาซาไปยังพื้นที่อื่นๆ ของภูมิภาค

"เราไม่ได้แสวงหาการทำสงครามกับอิหร่าน"จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อบ่ายวันจันทร์ พร้อมเสริมว่าการโจมตีดังกล่าวรุนแรงมากทั้งๆที่ไม่ได้มีความขัดแย้งใดเกิดขึ้น ฉนั้นสหรัฐฯจึงจำเป็นต้องตอบโต้

คำกล่าวของเขาเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประชุมร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม และเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคง

อิหร่านกล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว และปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ว่าสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่อยู่เบื้องหลังการโจมตี 'ทาวเวอร์ 22' ซึ่งเป็นฐานทัพห่างไกลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดน ใกล้ชายแดนติดกับอิรักและซีเรีย

ล่าสุด กองกำลังสหรัฐและพันธมิตรตกเป็นเป้าหมายในภูมิภาคนี้อีกครั้งในวันจันทร์ โดยคราวนี้เป็นการโจมตีด้วยจรวดในซีเรีย แต่ยังไม่พบการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ

กองทหารสหรัฐฯ และกองกำลังพันธมิตรถูกโจมตีอย่างน้อย 165 ครั้งนับตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม โดยแบ่งเป็น 66 ครั้งในอิรัก, 98 ครั้งในซีเรีย และ 1 ครั้งในจอร์แดน ด้วยอาวุธหลากหลาย ทั้งโดรนโจมตีทางเดียว, จรวด, ปืนครก และขีปนาวุธพิสัยใกล้

ซาบรินา ซิงห์ รองเลขาธิการกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่าเหตุโจมตีในจอร์แดนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 40 คนและเมื่อรวมกับการโจมตีครั้งก่อนหน้า ทำให้มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บสะสมประมาณ 80 คนแล้ว

ซิงห์กล่าวว่า โดรนลำดังกล่าวโจมตีพื้นที่อยู่อาศัยในฐานทัพฯช่วงเช้าตรู่ ซึ่งผู้คนยังนอนหลับอยู่บนเตียง

สื่อสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ความล้มเหลวในการป้องกันการโจมตีดังกล่าวอาจเกิดจากความสับสนว่าโดรนลำดังกล่าวเป็นศัตรูหรือเครื่องบินสหรัฐฯ ที่กำลังเดินทางกลับฐานทัพ

ซิงห์ไม่ได้ยืนยันรายงานเหล่านั้นของสื่อ และกล่าวแต่เพียงว่ากองบัญชาการกลางสหรัฐฯ กำลังสืบสวนว่าโดรนลำดังกล่าวผ่านเข้ามาได้อย่างไร

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการกล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ แต่ซิงห์กล่าวว่ามีร่องรอยของนักรบกลุ่ม 'คาแทบ ฮิซบุลเลาะห์' ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เฉกเช่นที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงครั้งก่อนๆ

ซาอุดิอาระเบียออกมาประณามการโจมตีดังกล่าวอย่างรุนแรง ขณะที่จอร์แดน, บาห์เรน, อียิปต์ และอิรัก ก็ได้ประณามการโจมตีดังกล่าวเช่นกัน

โฆษกของกลุ่มฮามาสกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เหตุโจมตีในจอร์แดนถือเป็นข้อความที่ส่งถึงรัฐบาลวอชิงตันว่าสงครามที่ยังดำเนินต่อไปในฉนวนกาซากำลังจะกลายเป็นชนวนระเบิดในภูมิภาค

ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับไบเดนในปีแห่งการเลือกตั้ง และนักการเมืองของพรรครีพับลิกันก็ใช้ประเด็นนี้เล่นงานเขาอย่างทันท่วงทีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน