กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงได้รับการวินิจฉัยว่าประชวรด้วยโรคมะเร็ง

กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการวินิจฉัยจากคณะแพทย์ว่าทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งและได้เริ่มการรักษาแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งทรงฟื้นพระวรกายได้เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังเข้ารับการผ่าตัดต่อมลูกหมาก

แฟ้มภาพ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร (Photo by Stefan Rousseau / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ทรงได้รับการวินิจฉัยจากคณะแพทย์ว่าประชวรด้วยโรคมะเร็ง จึงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ตามแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม

ทั้งนี้ พระวรกายของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เพิ่งฟื้นตัวจากการเข้ารับการผ่าตัดต่อมลูกหมากเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และพระองค์จำเป็นต้องกลับไปเพื่อทรงรับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง

การประกาศข่าวดังกล่าวส่งผลให้มีข้อความจากพสกนิกรจำนวนมากที่ส่งกำลังใจให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ว รวมทั้งพระราชินีคามิลลา, พระบรมวงศานุวงศ์ และแม้แต่เจ้าชายแฮร์รีซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนียและมีกำหนดจะเดินทางไปเฝ้าพระราชบิดาที่สหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ตามปกติแล้ว พระพลานามัยของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยกเว้นอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆจากการทรงเล่นโปโลและสกี

แต่สำนักพระราชวังฯกล่าวในแถลงการณ์ว่า ระหว่างการรักษาพระองค์ในโรงพยาบาลเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับภาวะต่อมลูกหมากโตที่ไม่คุกคามต่อพระวรกาย คณะแพทย์กลับพบข้อกังวลอีกประการ

"การตรวจวินิจฉัยข้อกังวลดังกล่าวในภายหลังได้รับการระบุว่าเป็นอาการของมะเร็ง" สำนักพระราชวังฯชี้แจงในถ้อยแถลง และเสริมว่าคณะแพทย์ได้เริ่มถวายการรักษาแล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของมะเร็งที่พบหรือระยะลุกลามของมะเร็ง

สำนักพระราชวังฯ แถลงทิ้งท้ายว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีกำลังใจดีเยี่ยมและทรงปรารถนาจะกลับมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆได้อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ของอังกฤษ เขียนคำอำนวยพรถวายแด่พระประมุขของประเทศ ความว่า "ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฟื้นพระวรกายอย่างรวดเร็ว และพสกนิกรทั้งประเทศต่างเฝ้ารอการกลับมาของพระองค์"

นอกจากนี้บรรดาผู้นำจากชาติต่างๆ ได้ร่วมถวายคำอำนวยพรแด่พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน เช่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ, นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา และแม้แต่อดีตประธานาธิบดีอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจดจ่อกับสนามเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกคำรบ.