ผลสำรวจของเอเดลแมนชี้ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลประชาธิปไตยตกต่ำลงในปีที่แล้ว สาเหตุจากการจัดการโรคระบาดที่ผิดพลาดและการมองแนวโน้มเศรษฐกิจในแง่ร้าย สวนทางกับความเชื่อมั่นต่อรัฐเผด็จการอัตตาธิปไตยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจีนครองอันดับ 1 ส่วนไทยความเชื่อมั่นเพิ่มในอันดับ 3

รายงานของรอยเตอร์เมื่อวันอังคารที่ 18 มกราคม 2565 กล่าวว่า ผลการสำรวจมาตรวัดความไว้เนื้อเชื่อใจเอเดลแมน (เอเดลแมนทรัสต์บารอมิเตอร์) ประจำปี 2565 ที่จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นผู้คนหลายหมื่นคนเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจต่อรัฐบาล, สื่อ, ธุรกิจ และองค์กรเอกชนในประเทศต่างๆ มานาน 2 ทศวรรษ แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจในระดับสูงต่อประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบอัตตาธิปไตยหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน
"เรามีการล่มสลายของความไว้เนื้อเชื่อใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" คำกล่าวของริชาร์ด เอเดลแมน ซึ่งกลุ่มสื่อสารเอเดลแมนของเขาเผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม 36,000 ราย ใน 28 ประเทศ ระหว่างวันที่ 1-24 พฤศจิกายน 2564
"ทุกอย่างย้อนกลับไปที่คำถามที่ว่า คุณรู้สึกเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหรือไม่" เขากล่าวเสริม พร้อมกับตั้งข้อสังเกตถึงความวิตกกังวลในระดับสูงเกี่ยวกับการตกงาน ไม่ว่าด้วยเพราะโรคระบาด หรือการถูกทดแทนด้วยเครื่องจักร
ประเทศประชาธิปไตยที่สถาบันต่างๆ สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว คือ เยอรมนี ความไว้วางใจลดลง 7 จุด โดยตกลงมาอยู่ที่ 46% ตามด้วยออสเตรเลีย คะแนนลดลง 6 จุด อยู่ที่ 53%, เนเธอร์แลนด์ ลดลง 6 จุด อยู่ที่ 57%, เกาหลีใต้ ลดลง 5 จุด อยู่ที่ 42% และสหรัฐลดลง 5 จุด อยู่ที่ 43%
กลับกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนต่อสถาบันต่างๆ ในจีนเมื่อปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 11 จุด โดยมีคะแนนสูงถึง 83%, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพิ่มขึ้น 9 จุด อยู่ที่ 76% และไทย เพิ่มขึ้น 5 จุด อยู่ที่ 66%
ผลการสำรวจนี้กล่าวว่า งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจหลายล้านล้านดอลลาร์ที่บรรดาประเทศร่ำรวยที่สุดในโลกใช้สนับสนุนภาคเศรษฐกิจของประเทศช่วงที่เกิดโรคระบาด ไม่สามารถปลูกฝังความเชื่อมั่นที่ยั่งยืนได้
ยกตัวอย่างญี่ปุ่น มีประชาชนเพียงแค่ 15% ที่เชื่อว่าตัวเขาและครอบครัวจะมีชีวิตที่ดีขึ้นภายในเวลา 5 ปี และจากคำถามเดียวกันนี้ ประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็มีคะแนนที่ประมาณ 20-40% ในขณะที่จีน มีประชาชนเกือบ 2 ใน 3 ที่มองในแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจ และในอินเดีย มีประชาชนถึง 80% ที่เชื่อว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในเวลา 5 ปี
เอเดลแมนกล่าวว่า ระดับความไว้วางใจของประชาชนที่สูงขึ้นในจีนไม่เพียงเกี่ยวโยงกับความรับรู้ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่มีมากขึ้นเรื่องการคาดการณ์ได้เกี่ยวกับนโยบายของจีน ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องโรคระบาดเท่านั้น
"ผมคิดว่า มีความสอดคล้องกันระหว่างที่สิ่งทำ กับสิ่งที่พูด ยกตัวอย่างเช่น พวกเขามีการจัดการโควิดได้ดีกว่าสหรัฐ" เอเดลแมนกล่าว
ผลการสำรวจล่าสุดของเอเดลแมนสอดคล้องกับการค้นพบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงความท้อแท้ที่เพิ่มขึ้นต่อระบบทุนนิยม, ความเป็นผู้นำทางการเมือง และสื่อ
ความกังวลเกี่ยวกับ "ข่าวปลอม" ก็อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลก 3 ใน 4 กังวลว่าข่าวปลอมจะ "ถูกใช้เป็นอาวุธ" ส่วนความกังวลทางสังคมอื่นๆ นั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่ผู้คนกังวลมากขึ้นในปัจจุบัน เป็นรองแค่ความกังวลจากการตกงานเท่านั้น
ส่วนความคาดหวังต่อผู้นำในภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูง อันเป็นผลจากบทบาทในการพัฒนาวัคซีนและปรับสถานที่ทำงานและแนวทางปฏิบัติด้านการค้าปลีก แม้ว่าราว 2 ใน 5 ยังมีความกังขาต่อความทุ่มเทของภาคธุรกิจด้านการสร้างความเป็นธรรมในสังคม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขำไม่ออก! อดีต รมว.กต. โวรัฐบาลอิ๊งค์เจรจาสหรัฐ-จีน กดดันกัมพูชาเคารพข้อตกลงสันติภาพได้สำเร็จ
"มาริษ" แนะดึงจีนร่วมกดดันกัมพูชาให้เคารพข้อตกลง-รักษาสมดุลมหาอำนาจ-สื่อสารสหรัฐฯ โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง
กระแสชื่นชม สมเด็จพระราชินี จากชาวจีนสะท้อนอะไร
ความคิดเห็นของชาวจีนจำนวนมากพูดตรง ๆ เลยว่า “งดงาม สง่างาม มีความสูงศักดิ์” และ “ดูจริงใจ ไม่ใช่การแสดง”
'นักวิชาการ' ชี้นายกฯป้องอธิปไตย ไม่ทำไทยเสี่ยง 'รัฐบริวาร'
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไทยไม่ใช่ “รัฐบริวาร”!
'จตุพร' ปลุกม็อบต้าน 'ทรัมป์-อันวาร์' 22 พ.ย. ฟาดฝ่ายค้านหัวหด
'คณะรวมพลัง' นัดสำแดงพลังเอกราชชาติ ม็อบหน้าสถานทูต 22 พ.ย. ต้าน 'ทรัมป์-อันวาร์' รุมข่มเหงไทย ฟาดฝ่ายค้านหัวหดกลัวสหรัฐ
ไทยหวังพึ่งจีนได้หรือไม่ ในกรณีถูกสหรัฐฯกดดัน 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ
ไทยสามารถหวังพึ่งจีนในมิติของการสนับสนุนทางการทูตและเศรษฐกิจเพื่อคานอำนาจได้ แต่ไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือทางทหารโดยตรงในปัญหาชายแดนกับกัมพูชา


