กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระงับการดำเนินการวีซ่านักเรียน ตามคำสั่งของรัฐบาลทรัมป์ที่พยายามควบคุมมหาวิทยาลัยของประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยการลดเงินทุนและจำกัดการลงทะเบียนเรียนของชาวต่างชาติ

นักศึกษาฮาร์วาร์ดกล่าวระหว่างการชุมนุม "Harvard Students for Freedom" เพื่อสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติ ที่วิทยาเขตมหาวิทยาลัยในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม (Photo by Rick Friedman / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯโดยการนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามควบคุมมหาวิทยาลัยของประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยการลดเงินทุนสนับสนุนและจำกัดการลงทะเบียนเรียนของชาวต่างชาติ จึงเป็นที่มาของการดำเนินการล่าสุดที่กระทรวงการต่างประเทศสั่งระงับการดำเนินการวีซ่านักเรียน
ถือเป็นการยกระดับการปราบปรามนักศึกษาต่างชาติของทำเนียบขาวที่ต้องการเพิกถอนวีซ่าและส่งตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงสงครามในฉนวนกาซากลับประเทศ
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศลงนามสั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐยกเลิกการอนุมัติวีซ่านักเรียนหรือวีซ่าแลกเปลี่ยน จนกว่าจะมีคำแนะนำเพิ่มเติม
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนจะเพิ่มการตรวจสอบโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของผู้สมัครต่างชาติในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ รูบิโอได้ยกเลิกวีซ่าหลายร้อยฉบับ และรัฐบาลทรัมป์ได้เคลื่อนไหวเพื่อห้ามมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่ให้รับชาวต่างชาติ
ทั้งญี่ปุ่นและฮ่องกงต่างเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยของตนยอมรับนักศึกษาต่างชาติจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ท่ามกลางการปราบปรามดังกล่าว
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า "รัฐบาลปักกิ่งเรียกร้องให้วอชิงตันปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของนักศึกษาต่างชาติ รวมถึงนักศึกษาจากจีนด้วย"
ทั้งนี้ นักศึกษาจีนหลายแสนคนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ ซึ่งถูกประเมินว่าเป็นประภาคารแห่งเสรีภาพทางวิชาการและความเข้มข้น
การระงับวีซ่าเกิดขึ้นในขณะที่นักศึกษาฮาร์วาร์ดออกมาประท้วงเมื่อวันอังคาร หลังจากรัฐบาลกล่าวว่าตั้งใจจะยกเลิกสัญญาทางการเงินที่เหลือทั้งหมด ซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดของทรัมป์ในการบังคับให้สถาบันแห่งนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล
อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งห้ามชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณาคดีที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดี ซึ่งจะเป็นวันเดียวกับพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยฯ ที่นักศึกษาและครอบครัวหลายพันคนจะมารวมตัวกันที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวได้ตอบโต้ โดยระบุว่าเงินของรัฐควรนำไปใช้ในโรงเรียนอาชีวศึกษาที่ฝึกอบรมช่างไฟฟ้าและช่างประปามากกว่า
"ประธานาธิบดีมีความสนใจที่จะให้เงินภาษีแก่โรงเรียนและโครงการต่างๆ รวมถึงโรงเรียนของรัฐที่ส่งเสริมค่านิยมแบบอเมริกันมากกว่า แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การให้การศึกษาแก่คนรุ่นต่อไปโดยยึดตามทักษะที่เราต้องการในเศรษฐกิจและสังคม เราต้องการคนเหล่านี้ในประเทศของเรามากขึ้น และลดบัณฑิต LGBTQ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดลง" โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
ที่ฮาร์วาร์ด มีการดำเนินกิจกรรมประท้วงรัฐบาล โดยนักศึกษาและอาจารย์ผลัดกันขึ้นเวทีแสดงความติดเห็น
"เพื่อนต่างชาติ, เพื่อนร่วมงาน, อาจารย์ และนักวิจัยของฉันทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยงและถูกคุกคามว่าจะถูกเนรเทศ หรืออาจต้องโอนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยอื่น นอกจากนี้นโยบายที่ทรัมป์ดำเนินการจะทำให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ น่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักศึกษาต่างชาติ" อลิซ กอยเออร์ ซึ่งเข้าร่วมการประท้วงโดยสวมชุดครุยสีดำกล่าว
ฮาร์วาร์ดเองก็ได้ยื่นฟ้องต่อศาลในหลายคดีต่อมาตรการของทรัมป์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่ามีแนวโน้มที่ศาลจะพลิกกลับอย่างเป็นคุณแก่มหาวิทยาลีย ขณะที่ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยก็มีแผนที่จะยื่นฟ้องทรัมป์ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้
การยกเลิกสัญญาซึ่งสื่อของสหรัฐฯ ประเมินว่ามีมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ
ท่ามกลางการรณรงค์ต่อต้านสถาบันการเรียนรู้ที่ทรัมป์กล่าวหาว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของอคติเสรีนิยมและต่อต้านชาวยิว ประธานาธิบดีได้พุ่งเป้ามาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดโดยเฉพาะ
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาและการวิจัยชั้นนำแห่งนี้ถูกอายัดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสัญญาการลงทุนกับรัฐบาลมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ถูกฉีกทิ้ง
มหาวิทยาลัยได้ฟ้องร้องทั้งสองกรณีเพื่อระงับการเพิกถอนสิทธิ์ในการรับสมัครและสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด และเพื่อยกเลิกการถอนเงินทุนของรัฐบาลกลาง
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเสนอแนะว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอาจยื่นฟ้องเพื่อยกเลิกการยกเลิกสัญญาล่าสุดได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินคดีที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงให้คำมั่นว่าเขาจะเอาชนะการต่อสู้ที่เปิดเผยต่อสาธารณะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่านักศึกษาต่างชาติที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นพวกหัวรุนแรงและพวกก่อปัญหา.


