ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าของเกาหลีใต้สร้างสถิติใหม่ในการเลือกตั้งที่เกิดจากอัยการศึก

ชาวเกาหลีใต้เข้าแถวยาวเพื่อลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในการเลือกตั้งที่จุดชนวนขึ้นจากการประกาศกฎอัยการศึกอันเลวร้ายของอดีตผู้นำ

ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้ง ในวันที่สองของการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในกรุงโซล เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม (Photo by Pedro Pardo / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า เกาหลีใต้กำลังจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 3 มิถุนายน อันเป็นผลสืบเนี่องจากการประกาศกฎอัยการศึกที่ส่งผลให้ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอลถูกถอดถอนจากตำแหน่ง

ประเทศแห่งนี้กำลังต่อสู้เพื่อขีดเส้นแบ่งภายใต้ความวุ่นวายทางการเมืองหลายเดือนที่จุดชนวนขึ้นจากการกระทำของอดีตผู้นำที่ทำให้ตนเองต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาก่อกบฎ

นับตั้งแต่นั้นมา เกาหลีใต้ต้องอยู่ในสภาพการบริหารรัฐบาลด้วยประธานาธิบดีรักษาการซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับปัญหาการค้าในต่างประเทศและการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา

การสำรวจความคิดเห็นหลายครั้งระบุว่าอี แจ-มย็อง ผู้มีแนวคิดเสรีนิยม เป็นตัวเต็งอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 49% มองว่าเขาเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุด

ตามมาด้วยคิม มุนซู อดีตรัฐมนตรีแรงงานจากฝ่ายอนุรักษนิยมที่ได้คะแนนไป 35%

แม้วันเลือกตั้งกำหนดไว้ในวันที่ 3 มิถุนายน แต่ผู้ที่ต้องการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าสามารถลงคะแนนได้ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์

คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติกล่าวว่า 24.5% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 44.4 ล้านคน ได้มาลงคะแนนเสียงล่วงหน้า ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด

"ฉันไม่เคยต้องรอคิวเลือกตั้งล่วงหน้านานขนาดนี้มาก่อน" พัค ซึงฮี ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตจองโน กรุงโซล กล่าว

หญิงวัย 38 ปีรายนี้บอกกับเอเอฟพีว่า เธอต้องรอนานเกือบชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่าเพราะกฎอัยการศึกแสดงให้เห็นว่าการเลือกผู้นำที่เหมาะสมนั้นสำคัญเพียงใด และคิดว่าคนอื่นๆ หลายคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

การที่ต้องรอคิวเลือกตั้งเป็นเวลานานทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติต้องออกมาขอโทษประชาชน และให้คำมั่นว่าจะจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความแออัดและลดระยะเวลาการรอคอย

สถิติการลงคะแนนเสียงจากต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดย 79.5% ของมีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงทั้งหมด 1.97 ล้านคนได้ไปใช้สิทธิ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ถึงกระนั้น ผู้ใดก็ตามที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากอดีตประธานาธิบดียุน จะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงขึ้น, อัตราการเกิดต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และค่าครองชีพที่พุ่งสูง

ผู้นำคนใหม่จะต้องรับมือกับการเผชิญหน้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันความมั่นคงของเกาหลีใต้ และจีนซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุด

แต่บรรดานักวิเคราะห์มองว่ากฎอัยการศึกเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

คัง จูฮย็อน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพีว่า การออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของประชาชนที่ต้องการฟื้นฟูประชาธิปไตยในเกาหลีใต้

คังกล่าวว่า "ชาวเกาหลีโพ้นทะเลรู้สึกว่าจำเป็นต้องแสดงความเห็นของตนผ่านบัตรลงคะแนนเสียงมากกว่าที่เคย เนื่องจากรู้สึกว่ารากฐานของประชาธิปไตยของเกาหลีใต้กำลังสั่นคลอน"

ตัวเต็งอย่างอี แจ-มย็องเคยพ่ายแพ้การชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 ให้กับยุนอย่างฉิวเฉียดที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ โดยประเด็นหลักประเด็นหนึ่งคือประเด็นเรื่องเพศ

อดีตนักเรียนที่ออกจากโรงเรียนกลางคันรายนี้มีชื่อเสียงทางการเมืองจากการเน้นย้ำถึงจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยของเขา

เขาให้คำมั่นว่าจะนำกลุ่มกบฏมาลงโทษ หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม คัง วอนแท็ก ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เตือนว่าปัญหาทางการเมืองของเกาหลีใต้ยังไม่จบสิ้น

เขากล่าวว่า "มีความเป็นไปได้ที่ความวุ่นวายทางการเมืองและวิกฤตที่เราเห็นอาจกลับมาเกิดขึ้นอีก"

"อี แจ-มย็องเป็นบุคคลสำคัญในการแบ่งขั้วที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองของประเทศเป็นส่วนใหญ่ และหากเขาไม่ใช้วิธีการปกครองที่ครอบคลุมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็มีโอกาสสูงที่ความขัดแย้งในอดีตจะกลับมาเกิดขึ้นอีก" ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ระบุ.