โดนัลด์ ทรัมป์และสีจิ้นผิงได้พูดคุยกันแล้วทางโทรศัพท์ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเจรจากันเพื่อป้องกันสงครามการค้าเต็มรูปแบบ ทั้งประเด็นภาษีศุลกากรและแร่ธาตุหายาก

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Photo by TINGSHU WANG and Allison ROBBERT / various sources / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนพูดคุยกันผ่านการโทรศัพท์ เพื่อหารือประเด็นขัดแย้งด้านการค้าที่เกิดจากการสาดภาษีศุลกากรโต้ตอบใส่กัน
ทรัมป์เปิดเผยว่าการพูดคุยได้ข้อสรุปในเชิงบวกมากและทั้งสองตกลงที่จะพบกันเป็นการส่วนตัว ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งได้ออกแถลงการณ์ระบุเพียงว่าสีจิ้นผิงเน้นย้ำในการสนทนาถึงความจำเป็นในการปรับปรุงความสัมพันธ์
การโทรศัพท์ครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ประกาศต่อสาธารณะตั้งแต่ทรัมป์กลับมามีอำนาจในเดือนมกราคม เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลปักกิ่งและวอชิงตันกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าทำให้ข้อตกลงสงบศึกการค้าที่เจนีวาเมื่อเดือนที่แล้วตกอยู่ในอันตราย
ทรัมป์กล่าวว่าคณะทำงานการค้าระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีคลัง, รัฐมนตรีพาณิชย์ และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเข้าพบเจ้าหน้าที่จีนในเร็วๆ นี้
"การโทรศัพท์ครั้งนี้กินเวลานานประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และได้ข้อสรุปในเชิงบวกมากสำหรับทั้งสองประเทศ" ทรัมป์กล่าว
"ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเชิญสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและผมไปเยือนจีนด้วยความเต็มใจ และผมก็ตอบรับคำเชิญนั้น ในฐานะประธานาธิบดีของสองประเทศที่ยิ่งใหญ่ นี่คือสิ่งที่เราทั้งสองตั้งตารอที่จะทำ" เขากล่าวเสริม
ทรัมป์กล่าวว่า พวกเขาจะประกาศเวลาและสถานที่ในภายหลัง และผู้นำทั้งสองไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แม้ว่าสหรัฐจะหวังมายาวนานว่ารัฐบาลปักกิ่งจะสามารถใช้อิทธิพลเหนือมอสโกเพื่อยุติสงครามได้ก็ตาม
ทรัมป์ระบุว่าการสนทนาส่วนใหญ่เน้นไปที่การค้า และพวกเขาหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาแร่ธาตุหายากที่สำคัญซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีได้
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลปักกิ่งและวอชิงตันซึ่งเป็นคู่แข่งนั้นตึงเครียดมาตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรทั่วโลกที่กำหนดจีนเป็นเป้าหมายหลัก
ในช่วงหนึ่ง สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 145% ขณะที่จีนออกมาตรการตอบโต้สินค้าจากสหรัฐสูงถึง 125%
ฝั่งรัฐบาลปักกิ่งได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ความสัมพันธ์ของสองชาติต้องการการทำงานเพิ่มเติม
ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว สีจิ้นผิงกล่าวกับทรัมป์ว่า "การแก้ไขเส้นทางของเรือลำใหญ่แห่งความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จำเป็นต้องควบคุมทิศทางให้ดี โดยเฉพาะการกำจัดการแทรกแซงทุกรูปแบบและแม้แต่การทำลายล้าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง"
มีรายงานด้วยว่าทั้งคู่หารือเกี่ยวกับเกาะไต้หวันซึ่งจีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตนและขู่ว่าจะยึดครองด้วยกำลัง
สี จิ้นผิงเตือนสหรัฐฯ ว่ารัฐบาลวอชิงตันควรจัดการปัญหาด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนไต้หวันลากจีนและสหรัฐฯ เข้าสู่อันตรายของความขัดแย้ง
นอกจากนี้ สีจิ้นผิงยังกล่าวต้อนรับทรัมป์ให้เดินทางมาเยือนจีนด้วย หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยเดินทางเยือนจีนในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลปักกิ่งและวอชิงตันตกลงกันที่เจนีวาว่าจะลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน แต่หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็กล่าวโทษกันว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ข้อตกลงนี้ล้มเหลว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์โต้แย้งว่าจีนละเมิดเงื่อนไขทั้งหมด โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
กระทรวงพาณิชย์ของจีนตอบโต้กลับโดยกล่าวว่ารัฐบาลทรัมป์ได้นำมาตรการจำกัดที่เลือกปฏิบัติมาใช้ รวมถึงการเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนบางส่วนในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้เพิ่มความตึงเครียดกับพันธมิตรทางการค้ารายอื่นๆ รวมถึงสหภาพยุโรป โดยประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมทั่วโลกเป็น 50% ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการตบหน้า 'พ่อ-ลูก' ชินวัตรปม 'กาสิโน-นักท่องเที่ยวจีน'
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์