กฎหมายภาษีใหม่ของ 'ทรัมป์' ที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เร่งผ่านกฎหมายภาษีใหม่ ‘Big Beautiful Bill’ ที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม ให้ทันก่อนวันชาติอเมริกา – Photo by Joe Raedle / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกดดันสภาคองเกรส โดยเขาต้องการให้ร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณผ่านความเห็นชอบภายในวันหยุดประจำชาติ ในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ เพื่อที่เขาจะได้ลงนามและมีผลบังคับใช้

ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวว่าเป็น “ร่างกฎหมายที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม” ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านประณามว่าเป็น “การทรยศที่น่าเกลียดอย่างใหญ่หลวง” นอกจากนี้ยังมีการต่อต้านภายในกลุ่มของทรัมป์เองด้วย

แผนที่วางไว้คือ?

ทรัมป์เรียกข้อเสนอภาษีของเขาอย่างเป็นทางการว่า ‘Big Beautiful Bill’ หรือ BBB เขากล่าวว่าร่างกฎหมายนี้จะ “ช่วยรักษาความปลอดภัยชายแดน กระตุ้นเศรษฐกิจ และนำความฝันแบบอเมริกันกลับคืนมา” แก่นแท้ของร่างกฎหมายนี้คือการขยายเวลาลดหย่อนภาษีจากวาระแรกของการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ (2017-2021) ซึ่งมิฉะนั้นจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ คาดว่ามีการสูญเสียงบประมาณถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

ยังมีแผนอะไรอีกบ้าง?

ทรัมป์ตั้งใจจะดำเนินการตามคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกภาษีทิป ค่าล่วงเวลา และการจัดสรรเงินเพิ่มเติมอีกหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับการป้องกันประเทศและการปกป้องชายแดน ตัวอย่างเช่น จัดสรรเงินประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์สำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธ ‘Golden Dome’ ใหม่ของสหรัฐฯ

งบประมาณนี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างไร?

แผนการลดค่าใช้จ่ายนั้นมีแผนหลักอยู่ที่ Medicaid ซึ่งเป็นโครงการประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อย นอกจากนี้ยังมีการลดค่าใช้จ่ายด้านอาหาร อย่างเช่น อาหารกลางวันในโรงเรียนด้วย สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) คาดว่าร่างกฎหมายฉบับล่าสุดนี้จะส่งผลให้ประชาชนเกือบ 12 ล้านคนสูญเสียความคุ้มครองประกันสุขภาพภายใน 10 ปีข้างหน้า ทรัมป์ปฏิเสธว่าไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อพลเมืองสหรัฐฯ แต่เขากล่าวว่าผู้อพยพผิดกฎหมายจะได้รับผลกระทบแทน

มีการปรับลดตรงไหนอีกหรือไม่?

ร่างกฎหมายยังเสนอให้ยกเลิกแรงจูงใจทางภาษีของสหรัฐฯ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรูปแบบพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แรงจูงใจเหล่านี้ส่วนใหญ่รวมอยู่ในโครงการอุดหนุนของกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ที่บังคับใช้โดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน

กฎหมายดังกล่าวส่งผลต่อหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อย่างไร?

มีแนวโน้มที่จะทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ตามประมาณการล่าสุดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านงบประมาณของรัฐสภา กฎหมายดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี ปัจจุบันสหรัฐฯ มีหนี้สินมากกว่า 36 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว หนึ่งในบรรดาเจ้าหนี้มีจีนรวมอยู่ด้วย

นักวิจารณ์พูดถึงกฎหมายนี้อย่างไร?

พรรคดีโมแครตซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านเป็นกลุ่มที่ออกมาพูดมากที่สุด โดยชัค ชูเมอร์-ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา กล่าวหาทรัมป์ว่า “ลดหย่อนภาษีให้กับมหาเศรษฐี” ในขณะที่พลเมืองสหรัฐฯ ที่ด้อยโอกาสจะต้องเดือดร้อนจากแผนดังกล่าว พรรคดีโมแครตอ้างถึงผลการศึกษาวิจัยของ Urban-Brookings Tax Policy Center (TPC) ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยอิสระ ที่รายงานผลการศึกษาวิจัยว่า พลเมืองสหรัฐฯ ที่มีฐานะร่ำรวยที่สุด 20 เปอร์เซ็นต์จะได้รับประโยชน์หลักจากการลดหย่อนภาษี

ใครอีกบ้างที่ออกมาพูดต่อต้านแผนการของทรัมป์?

ข้อเสนอภาษีทำให้ อีลอน มัสก์-มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ เกิดความโกรธแค้น โดยกล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์ “ทำให้สหรัฐอเมริกาล้มละลาย” อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งกับทรัมป์ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน มัสก์ก็แทบจะไม่ได้ออกแถลงการณ์ทางการเมืองใดๆ เลย

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรครีพับลิกันด้วยหรือไม่?

ฝ่ายต่อต้านยังมี ทอม ทิลลิส-วุฒิสภาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันจากนอร์ทแคโรไลนา รวมอยู่ด้วย ซึ่งเคยกล่าวเตือนว่า “ร่างกฎหมายฉบับนี้จะทรยศต่อคำสัญญาที่โดนัลด์ ทรัมป์เคยให้ไว้” เขายังตำหนิพรรคของตัวเองด้วยว่าทำ “ผิดพลาดครั้งใหญ่” หลังจากถูกทรัมป์ขู่หนัก ทิลลิสจึงประกาศว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัย นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังด่าทอสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ ที่วิจารณ์เรื่องนี้ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

SCB EIC ชี้ปี69อุตฯอาหารทะเลไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งภาษีทรัมป์-แข่งขันรุนแรง

SCB EIC มองอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2569 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

'นักวิชาการ' ชี้นายกฯป้องอธิปไตย ไม่ทำไทยเสี่ยง 'รัฐบริวาร'

รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไทยไม่ใช่ “รัฐบริวาร”!