กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงต้อนรับประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่เดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเริ่มการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วันในอังกฤษ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เบร็กซิต โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงให้การต้อนรับอย่างชื่นมื่น

(จากซ้ายไปขวา) พระราชินีคามิลลา, สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3, ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และบริจิตต์ มาครง ภริยา ถ่ายรูปร่วมกันขณะเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองที่ปราสาทวินด์เซอร์ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม (Photo by Ludovic MARIN / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2568 กล่าวว่าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงให้การต้อนรับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสที่มาเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วัน

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงตรัสปราศรัยต่อแขกพิเศษราว 160 คนและราชวงศ์อื่นๆ ในงานเลี้ยงที่หรูหราในปราสาทวินด์เซอร์ เพื่อเตือนว่าความเป็นพันธมิตรระหว่างสองชาตินั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย ท่ามกลางภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากมาย

"ข้าพเจ้าเชื่อจริงๆ ในมิตรภาพระหว่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส" กษัตริย์อังกฤษตรัสกับบรรดาแขกเหรื่อในห้องโถงเซนต์จอร์จอันกว้างใหญ่ของปราสาท ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษและไอคอนเพลงอย่างเอลตัน จอห์น และมิก แจ็กเกอร์

"ข้าพเจ้าเชื่อว่าสิ่งนี้มีความจำเป็นเพื่อรักษาเสรีภาพและสันติภาพของเราในยุโรป" พระองค์ตรัสเสริม

พระองค์ทรงสรุปด้วยการยกย่องข้อตกลงใหม่ระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสว่าขณะนี้ทั้งสองชาติไม่ใช่แค่มีความเป็นมิตรอีกต่อไป แต่เป็นมิตรแท้จริง ซึ่งทำให้มาครงยกย่องข้อตกลงดังกล่าวที่รวมประชาชนทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวในความเป็นมิตรที่ไม่สั่นคลอน

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาอังกฤษ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสใช้โทนเสียงที่คล้ายคลึงกัน โดยกล่าวว่าทั้งสองประเทศต้องทำงานร่วมกันเพื่อปกป้อง "ระเบียบโลก" หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ในการกล่าวสุนทรพจน์ด้วยภาษาอังกฤษเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมหลายประเด็น มาครงให้คำมั่นว่าประเทศต่างๆ ในยุโรปจะไม่ทอดทิ้งยูเครนในสงครามกับรัสเซีย ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซาโดยไม่มีเงื่อนไข

เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลลอนดอนทำงานร่วมกับฝรั่งเศสในการรับรองรัฐปาเลสไตน์ โดยเรียกรัฐปาเลสไตน์ว่าเป็น "เส้นทางเดียวสู่สันติภาพ"

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและบริจิตต์ ผู้เป็นภริยาเดินทางถึงลอนดอนในช่วงสายๆ โดยมีเจ้าชายวิลเลียมและแคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์มาต้อนรับพวกเขาบนลานจอดเครื่องบิน

จากนั้น พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและอลังการจากพระเจ้าชาร์ลส์และพระราชินีคามิลลาที่วินด์เซอร์ โดยมีการยิงสลุต 41 นัดจากโฮมพาร์ค

คณะผู้ติดตามได้เพลิดเพลินไปกับขบวนรถม้าหลวงที่ประดับประดาด้วยธงไตรรงค์ฝรั่งเศสและธงยูเนียนอังกฤษ ก่อนจะเข้าไปในปราสาทเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

การเยือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของผู้นำสหภาพยุโรปนับตั้งแต่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างขมขื่นในปี 2020 และยังเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีฝรั่งเศสนับตั้งแต่การเยือนของประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีในปี 2008

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสมีกำหนดประชุมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษอีกหลายวาระตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป

หลังจากเข้ารับตำแหน่งในปี 2024 ผู้นำของสหราชอาณาจักรได้ทำตามคำมั่นสัญญาที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับฝรั่งเศสที่เปรียบดั่งเมืองหลวงของยุโรป หลังจากความตึงเครียดที่เกิดจากเบร็กซิต (Brexit) มาหลายปี

การหารือคาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่ความช่วยเหลือต่อยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามและการเสริมการใช้จ่ายด้านกลาโหม รวมถึงความพยายามร่วมกันเพื่อหยุดยั้งผู้อพยพไม่ให้ข้ามช่องแคบอังกฤษด้วยเรือขนาดเล็ก ซึ่งเป็นประเด็นทางการเมืองที่สำคัญในอังกฤษ

สตาร์เมอร์อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักในการจำกัดจำนวนผู้มาเยือนข้ามช่องแคบ ขณะที่พรรคขวาจัดใช้ประเด็นนี้เพื่อหวังผลทางการเมือง

รัฐบาลลอนดอนกดดันรัฐบาลปารีสมาหลายปีแล้วให้ทำอะไรมากกว่านี้เพื่อหยุดเรือที่ออกจากชายหาดทางตอนเหนือของฝรั่งเศส โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีภาพตำรวจฝรั่งเศสหยุดเรือลำหนึ่งไม่ให้ออกเดินทาง

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มาครงเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ภาระสำหรับทั้งสองประเทศ" และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของความร่วมมือเพื่อแก้ไข

การเยือนของมาครงมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและธุรกิจ โดยรัฐบาลปารีสและลอนดอนประกาศเมื่อวันอังคารว่า EDF ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของฝรั่งเศสจะถือหุ้น 12.5% ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ของอังกฤษ 'Sizewell C'

ในวันพุธ มาครงจะรับประทานอาหารกลางวันกับสตาร์เมอร์ ก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะเป็นเจ้าภาพร่วมในการประชุมสุดยอดฝรั่งเศส-อังกฤษครั้งที่ 37 ในวันพฤหัสบดี โดยทั้งสองจะหารือถึงโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศ

ทั้งนี้ อังกฤษและฝรั่งเศสเป็นแกนนำการเจรจาระหว่างกลุ่มพันธมิตร 30 ชาติเกี่ยวกับแนวทางสนับสนุนการหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้นในยูเครน ซึ่งรวมถึงการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปประจำการด้วย

สำนักงานของสตาร์เมอร์ยืนยันเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้นำทั้งสองจะเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มพันธมิตรในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือถึงการเพิ่มการสนับสนุนยูเครนและเพิ่มแรงกดดันรัสเซียต่อไป

นอกจากนี้ พวกเขาจะร่วมพูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน, นายกรัฐมนตรีฟรีดริช เมิร์ซ ของเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ตามที่สำนักงานประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เซเลนสกีและแอร์โดอัน พยายามจะรื้อฟื้นการเจรจา

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรเกีย ประชุมหารือกันเมื่อวันพุธ เพื่อพยายามรื้อฟื้นการเจรจาหยุดยิงในสงครามยูเครน