
กลุ่มคนที่ต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งที่สองของประธานาธิบดีสหรัฐ ณ ใจกลางกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 17 กันยายน (Photo by JUSTIN TALLIS / AFP)

(จากซ้ายไปขวา) สมเด็จพระราชินีคามิลลาแห่งสหราชอาณาจักร, สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ถ่ายรูปในงานเลี้ยงรับรอง ณ พระราชวังวินด์เซอร์ เมืองวินด์เซอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 17 กันยายน ระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งที่สองของผู้นำสหรัฐฯ (Photo by Doug MILLS / POOL / AFP)
กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์หลายพันคน เดินถือป้ายข้อความและตะโกนคำปลุกใจ มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงลอนดอน เพื่อประณามการเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการครั้งที่สองของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ตำรวจนครบาลลอนดอนประเมินว่ามีผู้เข้าร่วมการประท้วงประมาณ 5,000 คน ซึ่งจุดสุดยอดอยู่ที่การชุมนุมหน้ารัฐสภา
ขณะที่ทรัมป์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่พระราชวังวินด์เซอร์ซึ่งอยู่ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันตกประมาณ 35 กิโลเมต ผู้ประท้วงได้เดินขบวนในใจกลางเมืองหลวงของอังกฤษเพื่อแสดงความรังเกียจการมาเยือนของเขา
"ผมคิดว่าเรากำลังประท้วงทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับโดนัลด์ ทรัมป์ น่าเสียดายที่ผมมีแค่สองมือสำหรับการถือป้ายประท้วง ทั้งๆที่มีสิ่งที่ไม่ชอบมากมายเหลือเกิน" เดฟ ล็อกเก็ตต์ อดีตครูวัย 67 ปี กล่าวกับเอเอฟพี
"โดนัลด์ ทรัมป์กำลังปลูกฝังการทำลายล้างและความวุ่นวายไปทั่วโลก หากจะมีแนวคิดของเขาแพร่หลายไปในสังคมนี้ สิ่งที่เรากังวลก็คือลัทธิฟาสซิสต์ในสหราชอาณาจักร" เขากล่าวเสริม
สมาชิกรัฐสภาฝ่ายซ้ายร่วมอยู่ในหมู่ผู้ที่กล่าวปราศรัยต่อฝูงชนที่จัตุรัสรัฐสภาในการชุมนุมที่จัดโดยนิช คูมาร์ นักแสดงตลกชื่อดังของอังกฤษ
"เรามารวมตัวกันที่นี่เพื่อประกาศว่านี่คือช่วงเวลาที่จะท้าทายทุกสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ยืนหยัด นี่คือช่วงเวลาที่จะปฏิเสธการเมืองแห่งความเกลียดชังและความแตกแยก" แซ็ก โปลันสกี หัวหน้าพรรคกรีนกล่าวปราศรัย
ผู้ประท้วงรวมตัวกันเป็นกลุ่มแรกในช่วงบ่ายใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบีบีซี โดยชูแบนเนอร์, ธง และป้ายต่างๆ ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่การสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ไปจนถึงการปฏิเสธลัทธิฟาสซิสต์
ท่ามกลางเสียงกลองที่ดังสนั่นหวั่นไหว ผู้ประท้วงบางส่วนได้จำลองลูกโป่งขนาดเล็กที่เป็นรูปทรัมป์กำลังสวมผ้าอ้อม ซึ่งเป็นการล้อเลียนตั้งแต่สมัยแรกที่ทรัมป์มาเยือนสหราชอาณาจักรครั้งแรกในปี 2019
กลุ่มที่ชื่อว่า 'Stop Trump Coalition' ได้จัดการประท้วงครั้งนี้ โดยมีองค์กรพันธมิตรมากมายให้การสนับสนุน รวมถึง Amnesty International UK, Black Lives Matter UK, Palestine Solidarity Campaign และ Greenpeace
กลุ่มพันธมิตรตั้งคำถามว่าทำไมทรัมป์แทบจะไม่ได้อยู่ที่ลอนดอนระหว่างการเยือนครั้งนี้
"เพราะเขารู้ว่าเราจะเดินขบวนประท้วงเขา" กลุ่มดังกล่าวกล่าวในแถลงการณ์ และเสริมว่า "เขาจะหลบซ่อนตัวและนั่งรถม้าเล็กๆ เศร้าๆ คนเดียวในวินด์เซอร์ พร้อมกับขบวนพาเหรดที่ไม่มีใครเห็น นี่เป็นเพราะพลังแห่งการประท้วงของเรา"
ผู้เข้าร่วมการชุมนุมช่วงเย็นตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "พูดออกมาดังๆ พูดให้ชัดเจน : โดนัลด์ ทรัมป์! พวกเราไม่ยินดีต้อนรับคุณ"
ตำรวจนครบาลลอนดอนได้ประจำการเจ้าหน้าที่กว่า 1,600 นาย รวมถึง 500 นายจากกองกำลังอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากิจกรรมจะผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ
ทรัมป์ยังคงไม่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหราชอาณาจักร โดยผลสำรวจใหม่ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าการเชิญเขามาเยือนเป็นครั้งที่สองถือเป็นเรื่องผิด
มีเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้นที่เชื่อว่าจะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา จากผลสำรวจของสื่อทั้งรัฐและเอกขน
ซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนผู้ซึ่งอนุญาตให้เรือเหาะรูปทารกของทรัมป์ได้ขึ้นบินระหว่างการเยือนสมัยแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความบาดหมางที่ยืดเยื้อมานานหลายปี
ข่านเขียนในหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนล่าสุดว่า "ทรัมป์และพวกพ้องของเขาอาจทำทุกวิถีทางเพื่อโหมกระพือไฟการเมืองฝ่ายขวาจัดที่สร้างความแตกแยกไปทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"
ในบทความ ข่านซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีชาวมุสลิมคนแรกของเมืองหลวงตะวันตกเมื่อเขาได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2016 ได้กล่าวหาทรัมป์ว่าเอาเปรียบชนกลุ่มน้อย, ขับไล่พลเมืองต่างชาติออกจากสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และส่งกำลังทหารไปตามท้องถนนในเมืองต่างๆ"
"การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ขัดกับค่านิยมตะวันตกเท่านั้น แต่ยังมาจากแนวทางของระบอบเผด็จการอีกด้วย" เขาเขียน
ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมช่วงสุดสัปดาห์ในกรุงลอนดอนประมาณ 150,000 คน ซึ่งจัดโดยทอมมี โรบินสัน นักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาจัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 26 นายได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันที่บริเวณจัดงาน.


