พายุไต้ฝุ่นถล่มฟิลิปปินส์ตอนกลาง คร่าชีวิตผู้คนแล้ว 5 ราย บาดเจ็บอีกหลายพันคน

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากฝนตกหนักเพราะพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์

เจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งกำลังอพยพผู้คนออกจากบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม หลังจากฝนตกหนักเพราะพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีในจังหวัดเซบู ทางตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน (Photo by Handout / Philippine Coast Guard (PCG) / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน 2568 กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักจากการขึ้นฝั่งของพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์

เมืองต่างๆ บนเกาะเซบูถูกน้ำท่วม ขณะที่รถยนต์, รถบรรทุก และแม้แต่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ถูกน้ำโคลนพัดพาไป

ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนที่พายุคัลแมกีพัดขึ้นฝั่ง พื้นที่โดยรอบเมืองเซบูถูกน้ำท่วมถึง 183 มิลลิเมตร (7 นิ้ว) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ 131 มิลลิเมตร

พาเมลา บาริกัวโตร ผู้ว่าการจังหวัดเซบูกล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียว่า สถานการณ์ในเซบูไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราคาดว่าลมจะเป็นสิ่งที่อันตราย แต่น้ำต่างหากที่ทำให้ประชาชนของเราตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างแท้จริง น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง"

เอเธล มิโนซา เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยท้องถิ่นบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ศพเด็กสองรายถูกกู้ขึ้นมาในเมืองเซบู ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงพยายามเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในน้ำท่วม

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 รายที่ได้รับการยืนยันในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงผู้สูงอายุที่จมน้ำเสียชีวิตที่ชั้นบนของบ้านในจังหวัดเลย์เต และชายคนหนึ่งที่ถูกต้นไม้ล้มทับที่โบโฮล

ราฟาเอลิโต อเลฮันโดร รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันพลเรือน กล่าวในการแถลงข่าวว่า มีประชาชนเกือบ 400,000 คนถูกอพยพออกจากเส้นทางของพายุไต้ฝุ่น

เมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พายุไต้ฝุ่นกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกผ่านหมู่เกาะวิซายัน ด้วยความเร็วลม 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกแรง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทำความเสียหายอย่างหนักให้กับต้นไม้และเสาไฟฟ้า

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เผชิญกับพายุและไต้ฝุ่นโดยเฉลี่ย 20 ลูกในแต่ละปี ซึ่งมักพัดถล่มพื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งมีประชากรยากจนหลายล้านคน.