พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 142 ราย รวมทั้งผู้สูญหายอีก 127 คน หลังจากทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงทั่วภาคกลางของฟิลิปปินส์ ขณะที่พายุกำลังมุ่งหน้าสู่เวียดนาม

คลื่นรุนแรงซัดเข้าชายหาดกวีเญินก่อนที่พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีจะพัดขึ้นฝั่ง ทางตอนกลางของเวียดนาม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน (Photo by NHAC NGUYEN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีที่พัดถล่มฟิลิปปินส์คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 142 ราย และทำให้มีสูญหายอีก 127 คน หลังจากเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงทั่วภาคกลางของประเทศ
ไต้ฝุ่นลูกนี้ถือเป็นพายุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลกประจำปี 2025 ตามข้อมูลของฐานข้อมูลภัยพิบัติ EM-DAT
สัปดาห์นี้ น้ำท่วมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ไหลบ่าเข้าท่วมเมืองต่างๆ ในจังหวัดเซบู จนกวาดล้างรถยนต์, กระท่อมริมแม่น้ำ และแม้แต่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่
สำนักงานป้องกันพลเรือนแห่งชาติยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีว่ามีผู้เสียชีวิต 114 ราย โดยยังไม่รวมผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 28 รายที่บันทึกโดยหน่วยงานจังหวัดเซบู และชาวฟิลิปปินส์มากกว่า 500,000 คนยังคงไร้ที่อยู่อาศัย
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ประกาศภาวะภัยพิบัติแห่งชาติซึ่งเป็นมาตรการที่อนุญาตให้รัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือและกำหนดเพดานราคาสิ่งของจำเป็นพื้นฐานได้ทันที
"ที่น่ากังวลคือพายุไต้ฝุ่นลูกใหม่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา ซึ่งอาจรุนแรงกว่าเดิม" ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวในการแถลงข่าว
พายุโซนร้อน "ฟุงหว่อง" ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกของประเทศกว่า 1,500 กิโลเมตร กำลังค่อยๆ เพิ่มกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะมุ่งหน้าสู่เกาะลูซอนของฟิลิปปินส์
พายุลูกล่าสุดนี้อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น ก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่งในต้นสัปดาห์หน้า
เบนิสัน เอสตาเรจา นักอุตุนิยมวิทยาของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งฟิลิปปินส์ บอกกับเอเอฟพีว่า ปริมาณน้ำฝนตามเส้นทางของพายุคัลแมกีสูงกว่าปริมาณน้ำฝนที่ปกติจะตกในเซบูตลอดเดือนพฤศจิกายนถึง 1.5 เท่า โดยระบุว่าเป็นปริมาณน้ำฝนที่เกิดขึ้นในทุกๆ 20 ปี
เขาเสริมว่า ลักษณะความเป็นเมืองของชุมชนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดรอบเมืองเซบู ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าพายุกำลังรุนแรงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นจะทำให้พายุไต้ฝุ่นทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และบรรยากาศที่อุ่นขึ้นจะกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะมีฝนตกหนักขึ้น
ทั้งนี้ ความเร็วลมของพายุคัลแมกีเพิ่มสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งมีความวิตกว่าพายุไต้ฝุ่นลูกนี้อาจสร้างความเสียหายเพิ่มเติมจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เพิ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 47 ราย
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติเวียดนามคาดการณ์ว่าพายุคัลแมกีจะพัดขึ้นฝั่งทางตอนกลางของประเทศในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี, ทำให้เกิดคลื่นสูงถึง 8 เมตรและคลื่นพายุซัดฝั่งที่รุนแรง
รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นปฏิบัติการรับมือพายุคัลแมกีในฐานะเร่งด่วนและอันตราย โดยระบุว่าพายุลูกนี้ผิดปกติอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ได้สั่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากชุมชนชายฝั่ง และในเมืองกวีเญินซึ่งอยู่ทางใต้ของพื้นที่ที่คาดการณ์ว่าพายุคัลแมกีจะพัดขึ้นฝั่ง
โดยปกติแล้ว พายุไต้ฝุ่นหรือพายุโซนร้อน 10 ลูกจะส่งผลกระทบต่อเวียดนามโดยตรงหรือนอกชายฝั่งในแต่ละปี แต่พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีคาดว่าจะเป็นลูกที่ 13 แล้วของปีนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับสุดท้าย 'พายุคัลแมกี' เคลื่อนตัว มีฝนตกหนักใน 3 ภาค 8-9 พ.ย.
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง พายุ “คัลแมกี” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 19 ซึ่งเป็นประกาศฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ ว่า
อ่วมหนัก! น้ำท่วมเมืองสุโขทัยฝั่งตะวันตก ถนน 3 เส้นหลักจม 35-50 ซม.
สถานการณ์น้ำแม่มอก แม่รำพัน ที่ล้นอ่างกักเก็บไหลมาบรรจบกันที่อำเภอเมืองสุโขทัย ทำให้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชน บ้านเรือน พื้นที่การเกษตร วัด โรงเรียน โรงพยาบาลสุโขทัย ในเขตตำบลบ้านกล้วย (เมืองสุโขทัยฝั่งตะวันตก)
ประกาศอุตุฯ ฉบับ 16 'พายุคัลแมกี' อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ เผยทิศทางพายุไต้ฝุ่น 'ฟงวอง'
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง พายุ "คัลแมกี" และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 16 ระบุว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันนี้ (7 พ.ย. 68) พายุดีเปรสชัน “คัลแมกี” (KALMAEGI) ได้อ่อนกำลังลงเป็น


