ผู้นำออสเตรเลียระบุ อุดมการณ์รัฐอิสลามเป็นแรงผลักดันเหตุกราดยิงหาดบอนได

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุว่า พ่อและลูกชายที่กราดยิงใส่ฝูงชนที่หาดบอนไดถูกขับเคลื่อนด้วย "อุดมการณ์รัฐอิสลาม"

ธงชาติออสเตรเลียตั้งอยู่ข้างพวงดอกไม้ไว้อาลัยด้านนอกบอนไดพาวิลเลียน ในนครซิดนีย์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เพื่อเป็นเกียรติแก่เหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่หาดบอนได (Photo by DAVID GRAY / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีกล่าวถึงเหตุกราดยิงใส่ฝูงชนที่หาดบอนไดว่ามีแรงจูงใจจาก "อุดมการณ์รัฐอิสลาม" ของพ่อและลูกชายผู้ก่อเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของออสเตรเลีย

ซาจิด อัคราม และนาวีด ลูกชายของเขา เปิดฉากยิงใส่ผู้คนที่แออัดอยู่บนชายหาดชื่อดังเพื่อร่วมเทศกาลฮานุกกะห์ของชาวยิวในเย็นวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 รายและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

ก่อนหน้านี้ หน่วยงานความมั่นคงกล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ชาวยิวของประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ยังให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแรงจูงใจที่ลึกซึ้งกว่าของมือปืน

อัลบาเนซีจึงเป็นผู้ให้คำใบ้แรกๆ ว่าทั้งคู่ถูกปลุกระดมด้วยอุดมการณ์แห่งความเกลียดชัง

"ดูเหมือนว่านี่จะเป็นแรงจูงใจจากอุดมการณ์รัฐอิสลาม" ผู้นำออสเตรเลียกล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ABC

"นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของ ISIS เมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว โลกก็กำลังต่อสู้กับลัทธิสุดโต่งและอุดมการณ์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังนี้" เขากล่าวในการสัมภาษณ์อีกครั้ง โดยใช้ชื่ออื่นของกลุ่มรัฐอิสลาม

สื่อออสเตรเลียรายงานว่า ผู้ก่อเหตุทั้งคู่เดินทางไปยังฟิลิปปินส์ก่อนเกิดเหตุกราดยิง และเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่าพวกเขาได้พบกับกลุ่มหัวรุนแรงอิสลามระหว่างการเดินทางหรือไม่

กรมตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลมะนิลาได้ยืนยันกับเอเอฟพีว่าทั้งคู่ใช้เวลาเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายนในฟิลิปปินส์ โดยจุดหมายปลายทางสุดท้ายคือเมืองดาเวา

เมืองนี้ตั้งอยู่บนเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของการก่อกบฏของกลุ่มอิสลามต่อต้านการปกครองของรัฐบาลกลาง

ดานา ซานโดวัล โฆษกหญิงของหน่วยงานฯเปิดเผยว่า บันทึกการตรวจคนเข้าเมืองระบุว่าซาจิดผู้พ่อเป็นพลเมืองอินเดีย และลูกชายของเขาเป็นพลเมืองออสเตรเลีย

หลังเกิดเหตุกราดยิง ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์พบรถยนต์ที่จดทะเบียนในชื่อของนาวีด อัคราม จอดอยู่ใกล้ชายหาด, พบระเบิดแสวงเครื่องและธงไอซิสทำเอง 2 ผืน

แต่ตำรวจเองก็กำลังเผชิญกับคำถามมากมายว่าพวกเขาอาจดำเนินการได้เร็วกว่านี้เพื่อป้องกันการโจมตีหรือไม่

อัลบาเนซีกล่าวว่า นาวีด อัครามซึ่งมีรายงานว่าเป็นช่างก่ออิฐว่างงาน เคยตกเป็นเป้าหมายของหน่วยข่าวกรองออสเตรเลียในปี 2019 แต่ในขณะนั้นยังไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นภัยคุกคามที่อาจก่ออันตรายหรือถูกมองว่าเป็นบุคคลที่น่าสงสัย

ตำรวจยังคงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ก่อนเกิดเหตุกราดยิง

มีรายงานว่านาวีดบอกกับแม่ของเขาในวันเกิดเหตุว่าเขาจะเดินทางออกจากเมืองไปตกปลา แต่ทางการเชื่อว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์เช่ากับพ่อของเขาเพื่อวางแผนก่อเหตุ

พวกเขาใช้ปืนยาวกราดยิงใส่ชายหาดและสวนสาธารณะใกล้เคียงเป็นเวลา 10 นาที ก่อนที่ตำรวจจะยิงและสังหารซาจิด วัย 50 ปี ขณะที่นาวีด วัย 24 ปี ถูกยิงเช่นกันและยังคงอยู่ในอาการโคม่าในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของตำรวจ

เด็กหญิงวัย 10 ขวบและผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวสองคนอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต ขณะที่อีก 42 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยบาดแผลจากกระสุนปืนและการบาดเจ็บอื่นๆ

คณะรัฐบาลออสเตรเลียเห็นพ้องต้องกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่จะเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายซึ่งอนุญาตให้ซาจิดผู้เป็นพ่อครอบครองปืนได้ถึง 6 กระบอกโดยไม่มีเหตุอันควร

ทั้งนี้ เหตุกราดยิงหมู่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในออสเตรเลีย นับตั้งแต่มือปืนคนเดียวสังหารผู้คน 35 รายในเมืองท่องเที่ยวพอร์ตอาร์เธอร์เมื่อปี 1996

เหตุการณ์สังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เธอร์จุดประกายให้เกิดการปราบปรามครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึงโครงการรับซื้อปืนคืนและข้อจำกัดเกี่ยวกับอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม ชาวออสเตรเลียจำนวนมากกำลังตั้งคำถามว่ากฎหมายเหล่านั้นเพียงพอที่จะรับมือกับการขายปืนออนไลน์และการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของปืนที่ประชาชนครอบครองหรือไม่

การโจมตีครั้งล่าสุดนี้ยังทำให้เกิดข้อกล่าวหาอีกครั้งว่าออสเตรเลียกำลังล่าช้าในการต่อสู้กับการต่อต้านชาวยิว

"ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผมได้พูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายของการเพิ่มขึ้นของการต่อต้านชาวยิว" อามีร์ ไมมอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำออสเตรเลีย กล่าวขณะเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานผู้เสียชีวิตเมื่อวันอังคาร

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่า การตัดสินใจของออสเตรเลียในการรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ในปีนี้ ได้ราดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งความเกลียดชังชาวยิว

ด้วยความปรารถนาดีที่จะช่วยเหลือ ชาวออสเตรเลียหลายพันคนได้เข้าแถวเพื่อบริจาคโลหิตให้กับผู้บาดเจ็บ

สภากาชาดออสเตรเลียกล่าวว่า มีผู้บริจาคโลหิตมากกว่า 7,000 คนในวันจันทร์ ซึ่งทำลายสถิติเดิมของประเทศ

ขณะที่อนุสรณ์ดอกไม้ชั่วคราวข้างหาดบอนไดได้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมาเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต โดยผู้คนหลายร้อยคน รวมถึงสมาชิกของชุมชนชาวยิว ได้ร้องเพลง, ปรบมือ และกอดกันทั้งน้ำตา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยก้าวใหม่ดัน ‘ทนายเจมส์’ ลุยซิดนีย์ ขยายฐานคนไทยต่างแดนร่วมเลือกตั้ง

“ไทยก้าวใหม่” ส่ง “ทนายเจมส์” อินฟูลฯคนดัง เสาหลักในออสเตรเลีย โกยแต้มนอกราชอาณาจักร ชูคนไทยต่างแดนมีคุณภาพชีวิตดี อยู่อย่างสง่า มีศักดิ์ศรี

เนทันยาฮู กล่าวหาว่ามาครงส่งเสริมการต่อต้านชาวยิว ปารีสตอบกลับอย่างเฉียบคม

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวหาประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ว่ายุยงให้เกิดการต่อต้านชาวยิวด้วยแผนการรับรองรัฐปาเลสไ