ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร อุทิศเวลาช่วงแรกประณามรัสเซียรุกรานยูเครน เรียก "วลาดิมีร์ ปูติน" เป็นเผด็จการรัสเซีย ชี้โลกกำลังอยู่กลางศึกระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 กล่าวว่า ในการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกนับแต่เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีไบเดนใช้เวลาช่วงแรกของการแถลงยาวนาน 1 ชั่วโมงเมื่อวันอังคาร กล่าวถึงวิกฤติยูเครน ซึ่งบางช่วงบางตอนทำให้ผู้คนในห้องประชุมสภาพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนปรบมือ
ผู้นำสหรัฐวัย 79 ปี กล่าวยกย่อง "กำแพงแห่งความแข็งแกร่ง" ของยูเครนที่สามารถยืนหยัดต้านรัสเซียผู้รุกราน แต่เขาประกาศชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาจะไม่ส่งทหารเข้าไปในยูเครน เพื่อสู้รบกับทหารรัสเซียที่นั่น
ไบเดนยังกล่าวถึงประธานาธิบดีปูตินว่าเป็น "เผด็จการรัสเซีย" ที่บุกรุกประเทศอื่น เขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐจะช่วยเหลือทหารยูเครน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นการสู้รบระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ตอนนี้ระบอบประชาธิปไตยกำลังรุดหน้า และโลกได้เลือกอยู่ข้างสันติภาพและความมั่นคงอย่างชัดเจน
โลกตะวันตกเปิดการต่อสู้ทางเศรษฐกิจอย่างดุเดือดกับรัสเซีย โดยมีสหรัฐเป็นผู้นำในการดำเนินมาตรการใหม่ๆ ที่รุนแรงขึ้น การคว่ำบาตรระลอกนี้กำลังก่อผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย ไบเดนกล่าวถึงการพุ่งเป้าลงโทษทางเศรษฐกิจต่อ "พวกผู้นำทุจริต" และกลุ่มที่มีอำนาจปกครองในรัสเซีย ที่เขากล่าวว่า ฉกเงินจากระบอบปูตินแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ โดยไบเดนขู่ว่าโลกตะวันตกจะยึดเรือยอชต์, เครื่องบินส่วนตัว และอพาร์ตเมนต์หรูหรา ของคนเหล่านี้ที่ได้มาโดยมิชอบ
เขายังประกาศห้ามอากาศยานของรัสเซียทุกชนิดใช้น่านฟ้าของสหรัฐด้วย หลังจากก่อนหน้านี้หลายประเทศในยุโรป, อังกฤษ และแคนาดา สั่งปิดน่านฟ้าของตนห้ามเครื่องบินของรัสเซีย
ไบเดนกล่าวว่า ปูตินดูเบาการตอบโต้ที่ทรงพลังจากโลกตะวันตกต่อการรุกรานยูเครน และการแซงก์ชันได้สร้างความเจ็บปวดต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย สงครามของปูตินเกิดจากการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าโดยไม่ได้เกิดจากการยั่วยุใดๆ ปูตินปฏิเสธความพยายามทางการทูตครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะคิดว่าตะวันตกและนาโตจะไม่ตอบโต้ ปูตินคิดว่าจะสามารถแบ่งแยกพวกเราที่นี่และพวกเราในยุโรป แต่ปูตินคิดผิด พวกเรามีความพร้อมและสมัครสมานกัน
ออกซานา มาร์คาโรวา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐ อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ด้วยโดยนั่งข้างกับจิล ไบเดน สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ เธอได้รับการลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างพร้อมใจกันจากสมาชิกคองเกรสทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต.
