เลขาธิการสหประชาชาติเตือน ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกส่งผลถึง 'ภัยพิบัติโลก'

(ระหว่างเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดแปซิฟิกที่ตองกา อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เยี่ยมชมชายหาดฮาอาตาฟู ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟและสึนามิเมื่อปี 2022 – Photo by Tupou Vaipulu / AFP)

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น แสดงความกังวลในการประชุมสุดยอดแปซิฟิกที่ตองกา การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลอาจส่งผลร้ายแรงตามมา

“ผมมาตองกาเพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือทั่วโลก เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น” อันโตนิโอ กูเตอร์เรสกล่าวเมื่อวันอังคาร “สวรรค์แห่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้กำลังถูกคุกคามจากหายนะระดับโลก” 18 ประเทศในการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก (PIF) เรียกร้องให้มีการสนับสนุนเพิ่มเติมจากผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดในการประชุมเมื่อวันจันทร์

ภูมิภาคแปซิฟิกต้องเผชิญกับภัยคุกคามเป็นพิเศษ ตามรายงานใหม่ขององค์การสภาพอากาศโลก (WMO) แม้ว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9.4 เซนติเมตรในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่ในบางพื้นที่ของมหาสมุทรแปซิฟิกก็เพิ่มขึ้นถึง 15 เซนติเมตร ตามที่สหประชาชาติแสดงให้เห็น “เป็นที่ชัดเจนมากขึ้นว่า อีกไม่นานเราจะหมดเวลาในการพลิกสถานกาณณ์” เซเลสต์ เซาโล เลขาธิการองค์การสภาพอากาศโลกกล่าว

แต่ไม่ใช่ว่าทุกประเทศที่เป็นเกาะจะได้รับผลกระทบเท่าเทียมกัน แม้ว่าระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นรอบๆ คิริบาสและหมู่เกาะคุกจะอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าที่ซามัวและฟิจิ จากการคำนวณ ตูวาลู ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ อาจจมลงสู่ทะเลได้อย่างสมบูรณ์ภายในเวลา 30 ปี

“สำหรับหมู่เกาะที่อยู่ต่ำ นั่นหมายถึงการต้องเอาชีวิตรอด” มานา ทาเลีย รัฐมนตรีกระทรวงคุ้มครองสภาพภูมิอากาศของตูวาลู กล่าวนอกรอบการประชุมสุดยอดกับสำนักข่าว AFP “ภัยพิบัติกำลังเพิ่มมากขึ้น และเราไม่สามารถสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า หรือรอดพ้นจากพายุไซโคลนหรือน้ำท่วมครั้งใหม่ได้”

หลายปีที่ผ่านมา ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกเรียกร้องให้มีความพยายามมากขึ้นในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่นับวันจะเลวร้ายลง และให้การสนับสนุนมากขึ้นในการปกป้องการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีอำนาจทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยและค่อนข้างโดดเดี่ยวทางสภาพภูมิศาสตร์ ความต้องการเหล่านี้จึงมักถูกละเลยจากประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

หมู่เกาะแปซิฟิกที่มีประชากรเบาบางมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเพียง 0.20 เปอร์เซ็นต์ ตามตัวเลขของสหประชาชาติ ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศเหล่านี้อาศัยอยู่ห่างจากชายฝั่งไม่ถึง 5 กิโลเมตร ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นจะค่อยๆ ทำลายทรัพยากรที่สำคัญ “ในปี 2020 ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น วานูอาตู ปาปัวนิวกินี และไมโครนีเซีย ต้องสูญเสียผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น” โรซานน์ มาร์ไทร์ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยสภาพภูมิอากาศ Climate Analystic กล่าว

ภาวะโลกร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรง เพราะการเพิ่มความเป็นกรดในมหาสมุทรจะทำลายแนวปะการัง และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารทางทะเล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เจ้าพระยาล้นตลิ่ง! ท่วมหน้าจวนผู้ว่าฯชัยนาท ร้านอาหารริมน้ำอ่วม

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดชัยนาทขยายวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 3,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เลขาธิการยูเอ็น แสดงความอาลัยแด่สมเด็จพระพันปีหลวงสวรรคต  เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของไทย  

เลขาธิการยูเอ็น ถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระพันปีหลวงสวรรคต  เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของไทย  

พิษณุโลกระทึก แม่น้ำน่านสูงพีกสุด คาดเที่ยงวันแตะจุดวิกฤต

เมื่อเวลา 06.30 น. สถานการณ์น้ำในแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านเมืองพิษณุโลก เช้านี้ที่สถานีวัดระดับน้ำ N5A เชิงสะพานเอกาทศรถ อยู่ที่ระดับ 10.18 เมตร จากจุดวิกฤติ 10.36 เมตร

กรมชลประทาน  อัปเดตสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา พื้นที่นอกคั้นกันน้ำท้ายเขื่อนน่าห่วง

บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง  เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด