'คนอยู่กับป่า' นัดรวมตัวใหญ่ รับครม.สัญจร ยื่นนายกฯ ค้าน พ.ร.ฎ.ของกรมอุทยานฯ

คนอยู่ป่า 3,000-5,000 คนนัดรวมตัวใหญ่รับ ครม.สัญจร ยื่นหนังสือถึงนายกฯแพรทองธารค้าน พรฎ.ของกรมอุทยานฯ ชี้เป็นการรื้อถอนสิทธิชุมชนดั้งเดิมแถมทำลายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศครั้งใหญ่สวนทางนโยบายรัฐบาล

28 พ.ย.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 29 พฤศจิกายน เครือข่ายสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า(สชป.) ได้นัดรวมตัวกันประมาณ 3,000- 5,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายชาติพันธุ์ เช่น ม้ง กะเหรี่ยง รวมถึงคนเมือง ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรผ่านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านพระราชกฤษฎีกาอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ตามพระราชบัญญัติ(พรบ.)อุทยานแห่งชาติและสงวนคุ้มครองสัตว์ป่า เนื่องจากส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนโดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในป่ามาก่อนประกาศเขตอนุรักษ์

ในวันเดียวกันนี้ตัวแทน สชป.ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อยื่นหนังสือประสานงานข้อเสนอต่างๆก่อนที่จะเดินทางยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 พฤศจิกายน

นายสมศักดิ์ เสกสรรวรกุล ตัวแทนบ้านขุนกลาง ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงนิเวศบนดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่าผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ฎ.) ฉบับนี้ คืออาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตเพราะมีหลายมาตราที่จะกระทบต่อสิทธิของประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่มายาวนาน เช่น มาตรา 5 กำหนดสิทธิของประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ก่อนแล้ว แต่กลับได้รับสิทธิแค่ในรูปแบบของโครงการ ซึ่งไม่ให้ความมั่นคงหรือยั่งยืน ขณะที่มาตรา 7 โครงการที่ถูกกำหนดในมาตรานี้มีลักษณะเป็นโครงการชั่วคราวไม่สามารถสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้

“สิ่งที่ผมกล่าวมานี้เป็นแค่ไม่กี่มาตราก็ส่งผลกระทบขนาดนี้ ยังมีอีกหลายมาตราที่เรายังไม่ได้พูดถึง เช่น เรื่องสิทธิการครอบครองที่ดิน กรณีตายแล้วลูกไม่มีสิทธิสืบทอดมรดก เรื่องพวกนี้จะเกิดปัญหาวุ่นวายหลายภาคส่วน เราจึงเสนอขอให้ยุติ พ.ร.ฎ. โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยาน มาตรา 44 และ 121 เราจะขอให้รัฐบาลจัดตั้งกลไกรูปแบบคณะกรรมการโดยรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนของพี่น้องประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ฝากถึงนายกรัฐมนตรี และครม.ควรจะเอาข้อเท็จจริงของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จริง ๆ มาแก้ไขปัญหา อย่างอินทนนท์เราอาศัยมา 200-300 ปีแล้ว และพี่น้องม้งก็อาศัยมา 100 กว่าปี”นายสมศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ นายพฤ โอโดเชา ตัวแทนบ้านแม่ลานป่าคา ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พรฎ.ฉบับนี้เป็นเครื่องมือล่าสุดของกรมอุทยานฯที่จะรื้อถอนสิทธิอาชีพวิถีดั้งเดิมของชาวบ้านที่อยู่ในเขตป่าก่อนประกาศเขตป่าต่างๆ 4,000 กว่าชุมชน ทั้งที่อยู่ในเขตอุทยานฯ เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าฯเพราะถือหลักคำสั่งจากมติครม. 30 มิถุนายน 2541 และหลักนี้จะกระทบถึงชาวบ้านที่อยู่ในเขตป่าสงวนด้วย โดยถือว่าชาวบ้านเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ ทั้งที่ชาวบ้านเราเรียกร้องว่าชาวบ้านที่นี่พึงมีสิทธิเพราะว่าอยู่มาก่อนเขตป่าอนุรักษ์

“ชุมชนของพวกเราเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมมาก่อนร่างกฎหมาย ควรจะยอมรับสิทธิในรูปแบบต่างๆ ให้เรามีความมั่นคงไม่ว่าเราจะอยู่ในเขตป่าแบบใด อย่างเช่นชุมชนในเขตอุทยานดอยอินทนนท์บ้านขุนกลาง บ้านผาหมอน บ้านม้งดอยปุยก็อยู่ในเขตอุทยานสุเทพปุย ชุมชนที่อยู่ในป่าเหล่านี้และทำการท่องเที่ยว ประกอบการท่องเที่ยว แล้วก็มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเยอะ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากรากหญ้าได้เยอะ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในชุดนี้ ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว หากรัฐบาลแพรทองธารมีนโยบายอย่างนี้ แต่อนุญาตให้หน่วยงานไปรื้อถอนสิทธิของชาวบ้านที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เท่ากับทำลายการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ และเสมือนรัฐบาลชุดนี้โกหกประชาชนหรือไม่ บอกว่าจะอนุญาตทำให้เศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านอยู่ดีกินดี แล้วคุณไปรื้อถอนสิทธิชาวบ้านเหล่านี้ แล้วชาวบ้านจะประกอบอาชีพทำมาหากินอย่างไร”นายพฤ กล่าว

นายพฤกล่าวว่า ครม.สัญจรครั้งนี้ ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องเดินทางไปทวงสิทธิเพราะรัฐบาลเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้นที่ยอมให้ข้าราชการและหน่วยงานมาละเมิดสิทธิชุมชนและทำลายประชาชนโดยการใช้ พ ร ฎ.หรือกฎหมายเป็นเครื่องมือมารื้อถอนสิทธิประชาชน

“ชุมชนบ้านผมยังเป็นพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนเตรียมประกาศอุทยานฯออบขาน เราคัดค้านการประกาศจึงยังไม่มีการสำรวจสิทธิอะไรใดๆเลย ส่วนพื้นที่ในเขตอุทยานที่สำรวจแล้วก็จะถูกยกเลิกได้ แต่กฏหมายใหม่ที่ออกครั้งนี้ไม่ยอมรับสิทธิของชาวบ้าน แถมควบคุมพฤติกรรม กิจวัตรประจําวันของเราด้วย เช่น เราจะเข้าหาของป่าเลี้ยงวัวควาย เจ้าหน้าที่สามารถจะถือเป็นคดีและยึดที่ดินของเราคืนได้”นายพฤ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม

เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.

'มทภ.4' ระดม 400 นาย เร่งฟื้นฟู 'รพ.หาดใหญ่' ให้เสร็จวันนี้

'มทภ.4' กำชับทุกหน่วย-ทส. ระดมกำลังกว่า 400 นาย เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ ปรับสภาพผิวจราจรโดยรอบให้เสร็จวันนี้ พร้อมลุยต่อถนนเส้นหลัก เปิดการจราจรให้ประชาชน ก่อนบิ๊กคลีนนิ่งเมืองทั้งหมด

‘ธารน้ำใจหลั่งไหลไม่หยุด’ รองโฆษกฯ ส่งต่อสิ่งของจำเป็นขึ้นเครื่องบิน ทส. ช่วยชาวใต้ แม้น้ำลดแล้วแต่ยังเดือดร้อนจำนวนมาก - รมว.สุชาติสั่งดูแลประชาชนต่อเนื่อง

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เป็นตัวแทนประชาชนจากหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ส่งมอบสิ่งของจำเป็นและของใช้ประจำวัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังมีหลายครอบครัวที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

‘สุชาติ’ กำชับ การช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมใต้ ต้องเป็นเอกภาพ .. สั่งศูนย์ฯ ทส. บูรณาการใกล้ชิดร่วมกองบัญชาการสั่งการ ค่ายเสนาณรงค์

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา และพื้นที่ภาคใต้

กรมป่าไม้ ส่งสิ่งของที่รับบริจาคถึง อ.หาดใหญ่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่แจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และได้สั่งการให้ กรมป่าไม้จึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือและยานพาหนะที่จำเป็นเร่งลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการอพยพประชาชน การสนับสนุนด้านเสบียง และกำลังช่วยอย่างเต็มที่

ศูนย์ปฏิบัติการ ทส.ผนึกกำลัง! ลุยภารกิจ ‘Big Cleaning คืนความสุข’ คนสงขลา ระดมกำลังพล 780 นาย พร้อมรถบรรทุก-รถฉีดน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดคืนพื้นที่ปลอดภัยให้ปชช.ตามสั่งการ ‘รองนายกฯ สุชาติ’

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ระดมสรรพกำลังครั้งใหญ่ ร่วมปฏิบัติภารกิจ "Big Cleaning คืนความสุข" เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดสงขลา หลังน้ำลด ตามการสั่งการของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนภารกิจ ทส.1 เดียวผ่านศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศป.ทส.)