นาโต้2สหรัฐฯ-หนึ่งแถบฯจีน ขยายความแตกแยกคนในสังคมไทย

                                                                     

เวทีสาธารณะ “อย่าชักน้ำลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน”  หัวข้อ ขจัดภัยการกดขี่ ด้วยสามัคคีทั้งแผ่นดิน ถือธงนำโดย นายไพศาล พืชมงคล ผู้ประสานงานกับเครือข่ายจีน  นับว่ามีนัยสำคัญก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมจะเดินทางไปสหรัฐฯ

ประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมาพูดกันในวงเสวนาคือ “นาโต้ 2”  หรือยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก โดยเตือนรัฐบาลอย่านำประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจส่งผลให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามรบยิ่งกว่ายูเครน พร้อมได้นำท่าทีของจีนในการยืนยันว่า ไม่เคยรุกรานประเทศไหน จึงไม่ใช่ภัยคุกคาม  ตามที่ฝั่งตะวันตกระบุ พร้อมเตือนนายกฯ ไม่ให้บุ่มบ่ามไปทำเอกสารแถลงการณ์ร่วม เช่นที่เคยทำมาแล้วในความร่วมมือทางทางทหารในฐานะของรมว.กลาโหม 

ห้วงเวลาที่น่าสนใจคือการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพปลายปีนี้ ซึ่ง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ซึ่งร่วมเวทีเสวนาด้วย  ตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐฯต้องติดต่อมาร่วมด้วย โดยมีผู้นำอาเซียนตัวจริงสองคนคือไทย และอินโดนีเซียที่จะเป็นประธานประชุมจี 20 เพราะสหรัฐฯต้องการให้มีระเบียบวาระประชุมแทรกไปโดยอ้างเรื่องเศรษฐกิจ

ขณะที่เว็บไซท์ของ “สถานฑูตสหรัฐฯ”ระบุถึงประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-อาเซียน สมัยพิเศษ (U.S.-ASEAN Special Summit) โดยประธานาธิบดีไบเดนจะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำประเทศอาเซียน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นี้  ไว้อย่างน่าสนใจ

“เป้าหมายสำคัญอันดับต้น ๆ ของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนและรองประธานาธิบดีแฮร์ริส คือการเป็นหุ้นส่วนที่มั่นคงและพึ่งพาได้ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อปี 2564 สหรัฐฯ ได้ประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งกำหนดกรอบวิสัยทัศน์เชิงนโยบายการต่างประเทศและความมุ่งมั่นที่ประธานาธิบดีไบเดนมีต่อความร่วมมือที่ยั่งยืนและสร้างสรรค์กับพันธมิตร หุ้นส่วน และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาค”

การที่มหาอำนาจรุกหนัก“อาเซียน”ในช่วงเวลานี้  มีเหตุปัจจัยจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ  ซึ่งไม่ค่อยเป็นผลดีต่อจีนเท่าใดนัก  จึงจำเป็นที่จีนต้องมายึดฐานที่มั่นข้างล่างด้วยการไม่ปล่อยให้กลุ่มประเทศในกลุ่ม อินโด-แปซิฟิกไปอยู่กับสหรัฐฯ

เดิมประเทศไทยผูกสัมพันธ์กับสองขั้วมหาอำนาจด้วยพลังอำนาจของชาติต่างกัน โดยฝั่งอเมริกาฯ ไทยจะใช้ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ส่วนทางฝั่งจีนจะใช้ สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ  แต่เมื่อจีนตัดสินใจเดินด้วยความมั่นคง ย่อมเกิดความขัดแย้งขึ้นมาเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าทหารไทยบางคน และระบบราชการของเรายังฝังรากลึกกับสหรัฐฯ

หลังรัฐประหาร รัฐบาลไม่มีทางเลือก จึงต้องไปซบจีน จึงเป็นแรงกดดันให้ สหรัฐฯ เดินเกมรุกมากขึ้น จีนเองก็กลัวว่าจะเพลี่ยงพล้ำ จึงรุกกลับมากขึ้นเช่นกัน ในที่สุดจึงกลายเป็นความร้อนแรงด้วยภูมิรัฐศาสาตร์ของไทยที่มีความสำคัญสูงยิ่ง

โดยพยามโจมตีจุดอ่อนของจีน ในการทำเรื่อง debt- trap diplomacy  ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศผ่านรูปแบบเงินกู เงินช่วยเหลือ แต่เมื่อถึงเวลาไม่มีเงินก็ยึดครองโครงสร้างพื้นฐาน  เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้น สปป.ลาว ศรีลังกา กัมพูชา ด้วยการปฏิบัติการหน้าฉากของภาครัฐ  และงานใต้ดินที่มีอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงการรุกคืบการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินด้วยการแต่งงานกับคนไทย

ทั้งความพยายายามเชื่อมโยงต่อเชื่อมยุทธศาสตร์ one belt  one road  หรือ หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทางของจีน ที่เดิมจะใช้การขุด “คลองไทย”เชื่อมระหว่างท่าเรือเจ้าผิวก์ เมียนมาร์ และฐานทัพเรือเรียม สีหนุวิลล์  มี และสนามบิน dara skor  เกาะกง  แต่จีนก็ขยับรุกคืบเข้ามาที่ไทยไม่ได้ง่ายตามแผน  และมีความพยายามจะเชื่อมต่อปักธงในไทยด้วยแนวทางอื่น

และเริ่มมีการปฏิบัติการข่าวสารให้เครือข่ายจีนในประเทศไทยตอบโต้สหรัฐฯ ตะวันตก และยูเครน อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ด้วยการผลิต content เผยแพร่ในสื่อฝ่าย แอนตี้สหรัฐฯ

หลังจากรัสเซียยังไม่สามารถชนะในสงครามยูเครนได้อย่างเด็ดขาด  จีนก็ชั่งน้ำหนักว่าศักยภาพทางด้านการทหารของตนเองจะเหนือกว่าสหรัฐฯ หรือไม่หากต้องเผชิญหน้ากันในขณะนี้จีนเองอาจเสียเปรียบได้ จึงจำเป็นต้องใช้ soft power กดลงมาด้านล่างผ่าน cyber dominance  ดังที่เห็นกัน

  หากรัฐบาลไทยไม่ทำให้เกิดสภาวะสมดุลเกิดขึ้นและแบ่งงานในการผูกสัมพันธ์ทั้งสองขั้ว  ก็อาจจะจุดชนวนให้เกิดการกดดันเคลื่อนไหวเพื่อล้มรัฐบาล หรือ ล้มระบอบ เช่นที่เกิดขึ้นในบางประเทศ

สิ่งที่น่าห่วงคือ ปัจจุบันประเทศไทยมีความขัดแย้ง -แตกแยกแบ่งเป็นสองขั้วความคิดอย่างสิ้นเชิง จากฝ่ายอนุรักษ์นิยม -ฝ่ายก้าวหน้า    เอาสถาบัน -ไม่เอาสถาบัน  คนเจนเนอรชั่นเก่า -ใหม่ เชียร์รัสเซีย-เชียร์ยูเครน  ตามมาด้วยเรื่องโปรฯจีน -โปรฯ สหรัฐฯ,ตะวันตก

เป็นความน่าปวดหัวของสังคมไทยที่ต้องเจอกับสถานการณ์เลือกข้างอย่างไร้จุดจบ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เผด็จศึกเขมร ต้องทุบให้เดี้ยง! ไม่ควรทิ้งปัญหาให้ลูกหลาน

จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งล่าสุดจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. มีทหารไทยเสียชีวิตแล้วรวมเป็น 11 นาย รายการ "ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" สัมภาษณ์พิเศษ

ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..

สังคมอุดมอินฟลูฯ ถึงเวลารัฐต้องจัดระเบียบเสียที!

โซเชียลมีเดีย (social media) หรือ “สื่อสังคม (ออนไลน์)” เป็นเครื่องมือสำหรับการติดต่อสื่อสาร และการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารที่มีอิทธิพลต่อคนในยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง สำหรับใครหลายคน โซเชียลมีเดียเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนที่ 33 ก็ว่าได้ เพราะใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้าจนค่ำในแต่ละวันท่องโลกสังคมออนไลน์เพื่อการทำงานบ้าง เพื่อความบันเทิงบ้าง ด้วยเหตุผลนี้เอง ผู้คนมากหน้าหลายตาจึงเห็นประโยชน์ของโซเชียลมีเดีย และผันตัวมาเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” (influencers) หรือ “ผู้ทรงอิทธิพล (ทางความคิด)”

ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ

 “พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”

รัฐสภาประชุมแก้ รธน. 10-11 ธ.ค. เชื่อผ่านวาระสาม สภาสูงไม่ตีตก

ในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการประชุมรัฐสภาในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ