
ผมเป็นคนที่ชอบคิดสิ่งใหม่ตั้งแต่เด็ก เมื่อใช้สิ่งของแล้วรู้สึกยังไม่ดีพอ ผมจะคิดเสมอว่า ‘น่าจะทำให้ดีกว่านี้ได้’ โดยนวัตกรรมทางความคิดที่ผมเคยคิดเมื่อยังเป็นเด็ก ขณะนี้มีคนทำให้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าแบบมีล้อรถยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น แต่ผมได้เสนอไม่เพียงนวัตกรรมที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ แต่ยังเสนอนวัตกรรมทางนโยบาย ซึ่งหมายถึง นโยบายแบบใหม่ที่สามารถจัดการกับปัญหาใหม่ ๆ และเป้าหมายใหม่ภายใต้บริบทการพัฒนาแบบใหม่
ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับนวัตกรรมทางนโยบายมากขึ้น เห็นได้จากความพยายามค้นหาแนวคิด เครื่องมือ วิธีการใหม่ ๆ ที่นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมทางนโยบาย อย่างไรก็ตามแม้ว่าโลกได้พัฒนาการกำหนดนวัตกรรมทางนโยบาย แต่ไทยยังค่อนข้างขาดแคลนนวัตกรรมทางนโยบาย เนื่องจาก รูปแบบหรือวิธีคิดในการกำหนดนโยบายค่อนข้างเป็นอุปสรรค
ในช่วงที่ผ่านมาผมได้เสนอนวัตกรรมทางนโยบายให้กับสังคมไทยจำนวนมาก ในบทความนี้ผมขอเสนอหลักการและตัวอย่างบางประการ โดยพิจารณาจากตัวอย่างที่ผมนำเสนอไว้ อาทิ
1) เทคโนโลยี (Technologization)
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ เพื่อแก้ปัญหาหรือทำให้บรรลุเป้าหมายเชิงนโยบาย หรือใช้ในกระบวนการกำหนดนโยบาย เช่น บัตรกำนัลดิจิทัล (Digital Voucher) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อทำให้เงินหมุนหลายรอบ รวดเร็ว มีตัวทวีคูณสูง ผมได้เสนอมานานเพื่อให้ภาครัฐพัฒนาบัตรกำนัลดิจิทัล (Digital Voucher) ซึ่งเป็นการให้เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนในรูปดิจิทัล โดยการสร้างเงื่อนไขให้ผู้ได้รับไปใช้ซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายใน 14 วัน เป็นต้น แทนที่วิธีการเดิมของภาครัฐที่ใช้วิธีโอนเงินเข้าแอป เป๋าตัง เป็นต้น
2) ความร่วมมือ 3 ภาคกิจ (Tri-sector Collaboration)
ผมเชื่อว่าการสร้างชาติ เกี่ยวกับ 3 ภาคกิจ ซึ่งได้แก่ รัฐกิจ ธุรกิจ ประชากิจ โดยแต่ละภาคกิจ มีจุดอ่อน จุดแข็ง ของตัวเอง ภาครัฐกิจอาจใช้วิธีสร้างสรรค์ในการสนับสนุนภาคกิจอื่น ๆ ใช้ทรัพยากรจากภาคกิจอื่นมากขึ้น แทนที่รัฐเล่นบทนำเป็นหลัก เช่น ทำแผนและมอบหมายกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เจาะจง ภาครัฐควรร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ สร้างเครือข่ายภาคธุรกิจและประชากิจที่ดูแลประเด็นต่าง ๆ มอบหมายประเด็นให้เจาะจง เพื่อทำให้แน่ใจว่า ทุกประเด็นทุกภาคส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ทำกระจัดกระจาย และ ไม่เป็นยุทธศาสตร์ ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่เต็มที่
3) การใช้ประโยชน์ทรัพยากร (Resource Utilization)
ผมคิดว่าเราควรต้องพยายามใช้ประโยชน์ทรัพยากรทุกอย่างที่มีในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ดินทุกตารางนิ้ว คนทุกคน หานวัตกรรมที่จะนำเอาทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ ผมจึงได้นำเสนอนวัตกรรมทางนโยบาย อาทิ ตั้งหน่วยงาน “กองทุนเวลาเพื่อสังคม”[1] (คิดและทำมานาน 30 กว่าปี), เนอร์สเซอรี่สองวัย (2551)[2], เปลี่ยนเงินหวย เป็น “สลากออมทรัพย์” (2551)[3], ใช้ประโยชน์เครือข่ายคนไทย (2562) เช่น ทูตไทย คนไทยโพ้นทะเล ทำการตลาดเชิงรุกเพื่อช่วยภาคธุรกิจในการส่งออก และ Jump Start ประเทศไทย (2562)[4] ดึงดูดคนต่างชาติจากทั่วโลกเข้ามาทำงานและเกษียณในประเทศไทย เป็นต้น
4) แปลงทุกอย่างเป็นทุน (Capitalization)
ผมให้ความหมายคำว่า ทุน คือ พลังเอกอุ ประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปได้มาก หากสามารถนำสิ่งที่มีอยู่ แปลงให้เป็นทุน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งผมเคยเสนอให้ตั้ง “บรรษัทส่งเสริมการแปลงทรัพยากร ให้เป็นทุน” ช่วยประชาชนและผู้ประกอบการ ให้เข้าถึงทุน แก้ปัญหาการขาดสภาพคล่อง โดยบรรษัทนี้จะทำหน้าที่ช่วยประเมินทรัพยากรที่แปลงให้เป็นทุนได้ และจับคู่บุคคลหรือชุมชนที่มีทุนเพื่อนำไปใช้ให้ประโยชน์ รวมถึงช่วยค้ำประกัน หรือ อุดหนุนเงินทุนให้บุคคลต่างๆ
5) ออกแบบจูงใจ (Motivation)
การดำเนินนโยบายที่ดีควรใช้วิธีการจูงใจ มากกว่าบีบบังคับ และ ไม่ทำให้คนเกิดนิสัยที่ไม่ถูกต้อง รอรับความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว เช่น ภาษีเงินได้แบบติดลบ (Negative Income Tax)[5] การให้สวัสดิการแบบมีเงื่อนไข เช่น การปลดหรือลดหนี้อย่างมีหลักเกณฑ์ บุคคลที่เข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้จึงจะได้รับการช่วยเหลือ การช่วยเหลือครัวเรือน ที่เข้าโปรแกรมแก้ไขหนี้ หรือ การให้ผู้รับสวัสดิการต้องทำงานหรือรับการฝึกอบรมแรงงาน เพื่อจะพัฒนาตัวเองให้มีสมรรถนะสูงขึ้น
6) Indexization and Signaling
ถ้าวัดไม่ได้ก็บริหารจัดการไม่ได้ ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าเราควรทำตัวชี้วัด โดยสร้างดัชนีครอบคลุมเป้าหมายเชิงนโยบายทั้งหมด เช่น 1) สมุดพกดี เก่ง กล้า (คิดเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว)[6] 2) การทำตัวชี้วัด CNB ในองค์กรประเภทต่างๆ, Wellness CNB, ดัชนีโรงเรียนสร้างชาติ, วัดสร้างชาติ ฯลฯ 3) Rating & Ranking Tourist Destination
7) Internationalization
ผมเสนอแนวคิดที่ไม่เคยมีใครเสนอมาก่อน เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายประเด็น แต่ขอยกตัวอย่าง 1 เรื่อง คือ ยุทธศาสตร์หัวเข็มขัด (One Belt One Buckle)[7] ผมได้เสนอให้จีนร่วมมือกับไทย สนับสนุนให้ไทยเป็นหัวเข็มขัด (Buckle) ของโครงการ BRI อาทิ การสร้างเมืองใหม่ในไทยที่มีมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของจีนเข้ามาตั้งอยู่ สนับสนุนให้ไทยรีบเป็นคล้ายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษลำดับที่ 7 ของจีน นอกประเทศจีนเพิ่มเติมจาก 6 แห่งที่มีอยู่แล้วในจีน (เซินเจิ้น จูไห่ ซัวเถา เซียะเหมิน คาสือ และ ไห่หนาน) เป็นต้น
นวัตกรรมทางนโยบายมีความจำเป็นต่อการสร้างชาติให้สำเร็จ ช่วยเร่งความเร็ว ลดต้นทุน ในการแก้ปัญหา และ การพัฒนา อย่างไรก็ตามผมคิดว่านวัตกรรมทางนโยบายเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่จะช่วยสร้างชาติให้ประสบความสำเร็จ การสร้างชาติอย่างครบวงจร ไม่เพียงต้องปฏิรูปกระบวนการนโยบายของประเทศ แต่ต้องปฏิรูปครบวงจร ทั้งคน ระบบ และ บริบท สิ่งนี้เป็นภารกิจ และ ความมุ่งมั่นของผมมาตลอดชีวิต ที่จะสร้างประเทศต้นแบบของนานาอารยประเทศ ผมและสถาบันการสร้างชาติ ขอเชิญชวนทุกท่าน เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างชาติไทยให้ก้าวหน้าต่อไปร่วมกันครับ
ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ประธานสถาบันการสร้างชาติ (NBI)
ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา(IFD)
[email protected],www.drdancando.com
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผด็จศึกเขมร ต้องทุบให้เดี้ยง! ไม่ควรทิ้งปัญหาให้ลูกหลาน
จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งล่าสุดจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. มีทหารไทยเสียชีวิตแล้วรวมเป็น 11 นาย รายการ "ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" สัมภาษณ์พิเศษ
ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..
สังคมอุดมอินฟลูฯ ถึงเวลารัฐต้องจัดระเบียบเสียที!
โซเชียลมีเดีย (social media) หรือ “สื่อสังคม (ออนไลน์)” เป็นเครื่องมือสำหรับการติดต่อสื่อสาร และการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารที่มีอิทธิพลต่อคนในยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง สำหรับใครหลายคน โซเชียลมีเดียเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนที่ 33 ก็ว่าได้ เพราะใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้าจนค่ำในแต่ละวันท่องโลกสังคมออนไลน์เพื่อการทำงานบ้าง เพื่อความบันเทิงบ้าง ด้วยเหตุผลนี้เอง ผู้คนมากหน้าหลายตาจึงเห็นประโยชน์ของโซเชียลมีเดีย และผันตัวมาเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” (influencers) หรือ “ผู้ทรงอิทธิพล (ทางความคิด)”
ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ
“พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”
รัฐสภาประชุมแก้ รธน. 10-11 ธ.ค. เชื่อผ่านวาระสาม สภาสูงไม่ตีตก
ในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการประชุมรัฐสภาในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...

