เอเปคกับเศรษฐกิจรูปตัว Y: นโยบายและการแข่งขัน

หลังประเทศไทย สอบผ่านจากการประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา การประชุมรอบใหม่ของคณะทำงานต่างๆของเอเปคกำลังกลับมาเริ่มใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้แล้วเพื่อเตรียมประเด็นและรายงานต่อผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ ในปลายปี 2566 นี้

เป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจเอเปคครั้งแรกในปีนี้ โดยเจ้าภาพคือสหรัฐอเมริกาจัดให้มีขึ้นกลางเดือนกุมภาพันธ์ ที่ปาล์มสปริง แคลิฟอร์เนีย

สำหรับประเทศไทยคงจำกันได้ว่าเรามี Bangkok Goals ที่ไทยประกาศไว้ในการประชุมครั้งที่แล้วที่ต้องสานต่อให้เป็นรูปธรรม

โดยเห็นว่ายังคงมีความจำเป็นและท้าทายที่จะต้องรีบฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาจาก 4 ปีที่ติดโควิด โดยไทย จีนและอีกหลายเศรษฐกิจในเอเซียกำลังเป็นผู้นำพลิกฟื้นการบริโภคโดยเปิดประเทศ อัดฉีด และสร้างห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์การค้าระหว่างประเทศใหม่หลังจากการผลิตหยุดชะงัก และบางประเทศถอนตัวออกจากจีนมาตั้งในไทยและเวียดนามเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง

ในการนี้ นโยบายและมาตรการการเงินการคลังควรต้องเน้นให้มีการสร้างอุปทานจริงให้เกิดขึ้นในห่วงโซ่ด้วยการลงทุนเพิ่มในภาครัฐและเอกชน การบริหารความเสี่ยงจากเงินเฟ้อซึ่งไทยได้วิ่งขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดไปแล้ว การติดตามบริหารความเสี่ยงดุลย์การชำระเงินและบัญชีเดินสะพัด และดูแลการผ่อนชำระหนี้ของครัวเรือนให้เหมาะสมและสมดุลย์ รวมทั้งเร่งความเร็วเศรษฐกิจ การให้เงินทุนหมุนเร็ว ธุรกิจและประชากรเข้าถึงแหล่งทุน เกิดสภาพคล่อง ทำให้มีทุนหมุนเวียนทางธุรกิจ เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันทางธุรกิจและการค้า ตลอดจนการการเปิดเสรีทางการค้าให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2023 นี้

ทั้งนี้เศรษฐกิจขนาด ( Economy of Scale) เศรษฐกิจความเร็ว ( Economy of Speed )  เช่น Digitalization และ Platform Economy ) และเศรษฐกิจความหลากหลายและการเปิดเสรีทางการค้าการลงทุนแบบเปิดกว้างให้มีการแข่งขันทางการค้า ( Economy of Scope ) ยังเป็นพระเอกในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเอเปคในปีนี้

สำหรับประเทศไทย ได้เพิ่มอีกเศรษฐกิจหนึ่งคือเศรษฐกิจการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ  ( Climate Change Economy ) ซึ่งรวมถึงปัญหา การปรับปรุงและปฏิรูปโครงสร้างทางกฎหมาย ตลอดจนกระบวนการการกำกับดูแลและตรวจสอบ (regulate) เอื้ออำนวยให้ธุรกิจชีวภาพ ธุรกิจหมุนเวียนและสีเขียว ให้โตได้ในตลาดที่มีข้อมูลและตลาดที่แข่งขัน ให้ธุรกิจสามารถมีส่วนในการแก้สภาวะโลกร้อนที่ตนเองก็มีส่วนสร้าง

โดยส่วนหนึ่งในจิ๊กซอว์ไทยได้นำเสนอการปรับปรุงมาตรการสนับสนุนรูปแบบเศรษฐกิจในระยะยาวแล้วในรูปแบบเศรษฐกิจ BCG Model ( Bio-Circular-Green ) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “โลกาวิบัติ”

ซึ่งโลกาวิบัติในสามเรื่องนี้ยังเป็นโจทย์ท้าทาย คือ 1. การควบคุมการระบาดของโควิดซึ่งคร่ามนุษย์อย่างไม่เคยมีในรอบ 100 ปี ซึ่งยังต้องหายามาพิชิตโรคนี้ เป็นสูตรลับที่ยังต้องหากันต่อไป

2. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะสงครามในยูเครนและความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและทะเลจีนใต้ มาผสมโรง Stagflation รูปตัว K แห่งความเหลื่อมล้ำ และอาจกลายเป็นรูปตัว Y หรือเศรษฐกิจแบบ Gen Y เมื่อทุกคนในปี2023 นี้ลงมาทัดเทียมกัน…สูงสุดกลับสู่สามัญ

3. การเผชิญกับสภาวะโลกร้อนในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอเปค มีทุกประเทศอยู่ริมฝั่ง ย่อมเสี่ยงต่อการสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล เรื่องนี้อินโดนีเซียได้ตัดสินใจย้ายเมืองหลวงออกจากจาร์กาตาร์แล้ว

ภายใต้สภาวะคุกคามสามประการนี้ประเทศไทยควรใช้ประโยชน์จากเอเปคอย่างไรและควรทำอะไรต่อที่เป็นมรรคผลมากไปกว่าการประชุมกัน

เรื่องหนึ่งที่ไทยและเอเปคกำลังทำอยู่คือการประสานนโยบายเศรษฐกิจ (Economic  Policy Integration) ให้เป็นปึกแผ่นที่จะทำให้เกิดการลงทุนและการทำธุรกิจกันมากขึ้นในภูมิภาค ในเรื่องนี้อาเซียนเห็นว่าการมีนโยบายแข่งขันทางการค้าอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Competition: AFAC ) จะทำให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศมหาศาล ซึ่งได้ริเริ่มขึ้นแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วและคาดว่าจะสำเร็จในระดับหนึ่ง…ในอีกสองปีข้างหน้า

สิ่งนี้อาจเป็นตัวอย่างของการมีนโยบายร่วมกันด้านการแข่งขันภายใต้เอเปค เพื่อ 1. สร้างความแข็งแกร่งด้านกฎหมายแข่งขันของแต่ละเศรษฐกิจเอเปคให้มีการคุ้มครองผู้บริโภคและวิสาหกิจขนาดจิ๋วกลางเล็กและใหญ่ 2. เพื่อให้มีการลงทุนและสร้างธุรกิจมากขึ้น และ 3. เป็นการเตรียมตัวให้มีส่วนในการเตรียมการเจรจาเปิดการค้าเสรีเอเปคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีส่วนฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมากและทำได้ทันที…ไม่ต้องเจรจา

เรื่องที่สองคือถึงแม้การเจรจาเขตการค้าเสรีเศรษฐกิจเอเปคยังเป็นเรื่องไกลตัว แต่การสร้างตลาดการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างตลาดที่เป็นธรรมสำหรับ เศรษฐกิจดิจิทัล และ เศรษฐกิจสภาวะโลกร้อน ให้เกิดขึ้นได้จริง และเป็นตลาดแห่งการแข่งขันทางธุรกิจ สำหรับทุกๆคนรวมทั้งให้ผู้บริโภคมีทางเลือก…ไม่ง่ายเลย

หน่วยงานรัฐต้องเข้าใจและมีความสามารถกำกับดูแลตรวจสอบตลาดนี้ให้มีความยุติธรรมไม่ให้เกิดการผูกขาดโดยบริษัทยักษ์ ซึ่งปัจจุบัน ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ๆและซับพลายเออร์ รุ่นใหม่ยังไม่สามารถเข้าถึงตลาดได้โดยง่าย

การที่วิสาหกิจขนาดเล็กกลางใหญ่จิ๋วซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจนี้ยังหาบทบาทตัวตนของการแข่งขันไม่เจอและยังไม่สามารถเข้าสู่เข้าตลาดได้โดยง่าย จึงมีความจำเป็นที่รัฐควรสร้างทางเลือกและมีพื้นที่ให้ทุกคนอย่างเสมอภาค ( Level Playing Field ) เพื่อเป็นแรงส่งให้พัฒนาตลาดใหม่ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันกับเศรษฐกิจอื่นๆได้ และเป็นเครื่องยนต์ตัวที่สี่นอกเหนือไปจากการส่งออก ลงทุน และการบริโภคดังได้กล่าวมาแล้ว

เรื่องที่สามที่ค่อนข้างสำคัญมากอีกเรื่องคือเทคโนโลยีที่จะสร้างตลาดใหม่ในเศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสภาวะโลกร้อน สองเศรษฐกิจใหม่นี้ ยังคงมีต้นทุนค่อนข้างสูง และ ผู้ประกอบการขนาดเล็กยังไม่สามารถระดมทุน ได้ จึงมีความจำเป็นที่รัฐตัองวางนโยบายการเข้าถึงเงินทุน และออกกฎระเบียบควบคุม ให้ตลาดเติบโต ( green growth and inclusiveness )  ทำธุรกิจได้ง่าย ( ease of doing business ) และยั่งยืน ( sustainable ) มีการแข่งขัน ( competition ) และสร้างความสามารถทางการแข่งขัน ( competitiveness )

ซึ่งคงต้องค่อยทำค่อยไปเพราะไม่เป็นเรื่องง่ายเลย…

ประการที่สี่สำหรับประเทศไทยและ Bangkok Goals คือการที่เอเปคและประเทศไทยต้องสร้างปรัชญา BCG จริงไม่ใช่ เป็นภาพมายาเพียงเพื่อการ “ฟอกเขียว” หรือ Greenwashing ด้วยการโฆษณาสรรพคุณสินค้าหรือบริษัทแบบแอบอ้าง ซึ่งปัจจุบันผุดเป็นดอกเห็ดทั่วโลก โดยหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคจำเป็นต้องออกกฎระเบียบคอยติดตามตรวจสอบสินค้าว่ามีมาตรฐานดังที่กล่าวอ้างหรือไม่

เรื่องที่ห้า สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือการสร้าง พันธมิตรในเอเปค ( peer-to-peer ) ด้วยกันเองเพื่อไม่ให้เกิด วาระแอบแฝง 6 ประการของ การฟอกเขียว ได้แก่ หนึ่ง  Greencrowding สอง Greenlighting สาม Greenshifting สี่ Greenlabeling ห้า Greenrinsing และ หก Greenhushing  ในโลกสีเขียวอมเทาในปัจจุบัน

กฎษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์

ประธาน ผู้จัดการประชุม

คณะทำงานด้านนโยบายและกฎหมายทางการค้าของเอเปค ( CPLG )

ภายใต้คณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค APEC Economic Committee

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.สติธร ชี้เวทีอาเซียน-เอเปค คือจุดเปลี่ยนบทบาทไทยบนเวทีโลก ‘อนุทิน’ คืนความเชื่อมั่นประเทศ เดินเกมทูตเชิงรุก ดึงการลงทุน-เสริมความมั่นคงภูมิรัฐศาสตร์

เวทีอาเซียน-เอเปค การเข้าร่วมครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่คือการวางยุทธศาสตร์นำไทยกลับสู่บทบาทแกนกลางของภูมิภาค ท่ามกลางการแข่งขันของมหาอำนาจ พร้อมเสริมความเชื่อมั่นแก่ประชาคมโลกว่า ไทยพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือบนพื้นฐานสันติภาพ การเติบโตยั่งยืน และเศรษฐกิจอนาคต

ไม่ได้คลั่งรัฐบาลนี้! สื่ออาวุโส ยังขอซูฮก 'อนุทิน' นำไทยกลับคืนจอเรดาร์โลกสำเร็จ

นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า ไม่ได้คลั่งรัฐบาลนี้ แต่สัมผัสได้ว่ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้นำประเทศไทยกลับสู่เรดาร์ในสายโลกตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐบาล โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วทำให้ประเทศไทยโดดเด่นในยูเอน จากผลพวงของถ้อยแถลงวันนั้น ทำให้ประเทศโดดเด่นในที่ประชุมระดับโลก

'สี จิ้นผิง' ชมนโยบายนายกฯอนุทิน ไม่เอากาสิโน

ประธานาธิบดีจีน ชมนโยบาย ”นายกฯ อนุทิน ไม่เอาคาสิโน“    ย้ำไม่คิดแทรกแซงนโยบายประเทศใด  แต่จีนจะใช้มาตรการภายในไม่สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีน เดินทางมาเที่ยวเพราะคาสิโน     ขณะเดียวกัน  พร้อมร่วมมือกับไทยปราบทุกภัยไซเบอร์  เชี่อปิดดิลเพิ่มขายข้าวไทย 5 แสนตัน

เปิดภารกิจ 'อนุทิน' วันที่สามเวทีเอเปก จับตาถกทวิภาคี 'สี จิ้นผิง'

โฆษกรัฐบาลเผยภารกิจ 'นายกฯอนุทิน' วันที่สาม ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกครั้งที่ 32 ตอกย้ำบทบาทเชิงรุกของไทยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จับตาถกทวิภาคีปธน. 'สี จิ้นผิง'