บทสรุปหนี้ครัวเรือน ( อย่างง่าย )

ปรากฎการณ์หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงกว่าร้อยละ 90 เป็นระยะเวลาต่อเนื่องหลังการระบาดของโรคโควิดในปี2563 ตัวเลขดังกล่าวสูงเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยธนาคารชำระบัญชีระหว่างประเทศที่ร้อยละ 80

เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขดังกล่าวก่อนและหลังการเกิดโรคระบาด ปรากฏความแตกต่างระหว่างประเทศ   ในสามัญสำนึก  ตัวเลขหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกประเทศ แต่มีบางกลุ่มประเทศตัวเลขกลับลดลง   เช่น สหรัฐ อังกฤษ  สิงคโปร์  เยอรมัน สเปน

และมีกลุ่มประเทศที่ตัวเลขสูงเพิ่มขึ้น  เช่น   ฮ่องกง จีน อินเดีย รัสเซีย ไทย ซึ่งจะเป็นกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาในระดับก้าวหน้าใน BRICS

ความน่าเป็นห่วงตรงที่ไทยเราตัวเลขสูงเกินกว่าร้อยละ 90 และอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลกที่ตัวเลขเกินร้อยละ 90  และก็เป็นประเทศเดียวที่กำลังพัฒนา……

ในระหว่างที่เขียนต้นฉบับนี้  เป็นวันที่มีการเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นำโดยนายกหญิงคนที่ 31 ของไทย พร้อมรัฐมนตรีหน้าใหม่หลายท่าน และหวังจะนำพาสิ่งที่มีพลังขับเคลื่อนประเทศและขยายเพิ่มมูลค่าจีดีพีของประเทศ

ตัวเลขจีดีพี ของไทยประมาณ   17.9 ล้านล้านบาท

ตัวเลขหนี้ครัวเรือน ประมาณ 16.9 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ที่ธนาคารนำเสนอบริการต่อประชาชนเพื่อจับจ่ายใช้สอยในการสร้างคุณภาพชีวิตเพื่อประโยชน์ระยะยาว หรือ การบริโภคระยะสั้นและหมดไป ( non-productive )

ตัวเลขหนี้สาธารณะประเทศ ประมาณ 11.2 ล้านล้านบาท ประมาณร้อยละ 62 ต่อจีดีพีของประเทศ เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้มาเพื่อใช้จ่ายตามงบประมาณของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตัวเลขหนี้ครัวเรือนยังสูงกว่าหนี้สาธารณะ  อาจมองได้ว่าสภาพคล่องการเงินของไทยดีมาก

การชำระคืนหนี้สิน ควรเริ่มจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลสร้างโอกาส มีเงินลงทุน การบริโภคการค้าระหว่างประเทศ ภาคเอกชนประชาชนมีการผลิต บริการสร้างการหมุนเวียนของกระแสเงินในทุกภาคของประเทศเพื่อการบริโภคความเป็นอยู่ที่ดี

ประชาชนต้องมีการพัฒนาขีดความสามารถ สร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ เพื่อชำระหนี้

ส่วนหนึ่งเงินได้นำมาจ่ายเป็นภาษีให้แก่รัฐบาลเพื่อสร้างกลยุทธ์ บริหาร พัฒนาประเทศ รวมถึงชำระหนี้ของรัฐบาล

ทั้งสองสิ่งดูเหมือนมีความสัมพันธ์กัน

ประชาชน 68 ล้านคน วัยทำงานประมาณร้อยละ60  ย่อมมีความสามารถและโอกาสที่แตกต่างกัน ถึงสามารถกู้หนี้ครัวเรือนมาได้ ก็ใช่ว่าจะสามารถชำระหนี้ธนาคารได้ครบถ้วนทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์  เช่นเดียวกับที่เราเห็นจากธุรกิจ มีเกิดใหม่  เติบโต มั่นคง และจะมีธุรกิจจำนวนหนึ่งที่ไปต่อไม่ได้และล้มหายตายจากไป

ภาวะเศรษฐกิจดีปกติตัวเลขหนี้ NPL ไม่สูง อยู่ประมาณ 2-3 %  แต่ถ้าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ถดถอย ตัวเลขการค้างชำหนี้มากกว่า 1 เดือนจะสูงเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 10

ตั้งแต่หลังโรคระบาดโควิด 19 หนี้สินครัวเรือนได้รับการพิจารณาแก้ไขเป็นลำดับ

รัฐสภาไทยได้มีการปรับแก้ไขพรบ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ( กยศ.) ในปี 2566 นับเป็นคุณูปการ แก่ 4 ล้านชีวิตผู้กู้เงินในขณะนั้น ไม่แบกภาระดอกเบี้ยที่มีเบี้ยปรับสูง ที่สำคัญไม่ต้องเอาพ่อแม่และบ้านมาค้ำประกัน เพียงขอมีวินัยการเงินชำระหนี้คืน กยศ.เพื่อเป็นทุนแก่รุ่นต่อไป

ธนาคารแห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญยิ่ง ออกมาตรการ ร่วมมือกับธนาคาร บรรเทา ปัญหาหนี้ช่วงโควิด ต่อด้วยมาตรการประคอง ผ่อนปรน  ปรับโครงสร้างแก้ไขหนี้อย่างตรงจุด และสร้างความเป็นธรรมให้แก่ลูกหนี้ เพื่อลดรายจ่าย เช่นค่าธรรมเนียมปรับดอกเบี้ยตามความเสี่ยง  ลำดับการตัดหนี้ให้มีการลดเงินต้นได้อย่างเหมาะสม

เรายังจำได้ว่าคนของธปท.เคยเล่าว่าได้เข้าร่วมประชุมในคณะทำงานซึ่งมีรัฐมนตรีคลังสมัยนั้นนั่งหัวโต๊ะคณะทำงานเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนในยามที่ประเทศต้องอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ การแก้ไขหนี้ได้ดำเนินการมาจนถึงการขอความร่วมมือธนาคารให้มีการปรับโครงสร้างหนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

ก่อนหนี้มีปัญหา หรือเมื่อเป็น NPL  และจะต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันหลังปรับโครงสร้างหนี้ถึงสามารถฟ้องดำเนินคดีลูกหนี้ต่อศาล    ในขณะที่ศาลก็ ให้คู่ความสามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องดำเนินคดีได้ นับเป็นการดูแลลูกหนี้จนถึงที่สุด

จากจำนวนลูกหนี้ ประมาณ 25 ล้านคนที่ใช้บริการสินเชื่อถ้าหากมีประมาณร้อยละ 10 ที่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ประมาณ 2- 3 ล้านคน และไปสิ้นสุดที่ขบวนการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดหรือล้มละลาย  รัฐบาลหรือ ธปท.จะมีมาตรการดูแลคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร เพื่อให้พวกเค้าสามารถกลับมาสู่การหารายได้ที่ปกติในอนาคต ไม่ทิ้งใครข้างหลัง

คำถามโดยทั่วไปจะสนใจว่าเมื่อไร หนี้ครัวเรือนจะลดต่ำลงมาที่มาตรฐานร้อยละ 80 ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ก็ตอบเป็นเรื่องคณิตศาสตร์อีกละ ลดหนี้ลงในตัวตั้ง หรือ เพิ่มจีดีพีในตัวหาร

ปัจจุบันยังไม่เป็นใจให้ตัวเลขลด …  ก็ต้องให้เวลาทุกฝ่ายทำการบ้านคง อีก3-5 ปีละมั้งครับ

แล้วผลต่อธนาคาร สามารถจัดการลดหนี้ ควบคุมหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้เร็วเพียงใด  มีวิธีจัดการหนี้เสียโดยการขายออกให้บริษัทจัดการบริหารสินทรัพย์ พิจารณาความเสี่ยงและส่วนได้เสียในทุกมิติแล้ว  หากสถานะธนาคารยังคงอยู่ในสภาพแข็งแกร่งเพียงพอในมาตรฐานสากล   แบบนี้ก็ไม่น่าต้องเป็นกังวลมากเกินไปกับธนาคาร

หากมองแหล่งที่มาของหนี้แล้ว ลูกหนี้มาจากสหกรณ์ออมทรัพย์ ร้อยละ 14 ซึ่งตามหลักสหกรณ์ออมทรัพย์จะมีสิทธ์การรับชำระหนี้จากเงินเดือนโดยตรง  ส่วนอีกร้อยละ 27 เป็นการให้กู้จากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่รัฐต้องการจุนเจอเป็นพิเศษ ดูลูกหนี้สองกลุ่มนี้น่าจะมีเจ้าภาพที่ดี

สำหรับลุกหนี้ต้องพัฒนาความสามารถในการหารายได้  ตัววอย่าง.คนที่ผมรู้จักมากว่า30 ปี รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆต่อเนื่องตลอดมา จนวันนี้สามารถเป็นครูถ่ายทอดงานศิลปหัตถกรรม มีสตูดิโอของตัวเอง พร้อมเป็นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่อผู้สนใจ 

หรืออีกตัวอย่าง.บริษัทที่ริเริ่มสิ่งใหม่เมื่อเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา จะต้องฝ่าฟันอุปสรรค มากมาย

ทั้งการขอ certificate มาตรฐานสินค้าเพื่อขายในต่างประเทศ การขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนเกือบหยุดกิจการ แต่นับเป็นความโขคดีของประเทศที่สถาบันการเงินเข้าใจให้โอกาสในการแก้ไข จนวันนี้เป็นผู้นำในวงการผลิตชิ้นส่วนทางอีเลคโทรนิกส์ และประสบความสำเร็จจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย

รัฐบาลคงต้องมีหน้าที่สร้างบรรยากาศ สร้างการเติบโตของ จีดีพี ให้สูงมากพอต่อการสร้างรายได้ประชาชนอย่างทั่วถึง จึงเป็นความจำเป็นที่ภาครัฐต้องสร้างเสน่ห์ดึงดูดทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศตัวอย่างสิงคโปร์มีการเติบโตจีดีพีพอกับเราแต่ในแง่การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติถึง 159670 ล้านดอลล่าร์ เทียบกับเรา มีเพียง 4540 ล้านดอลล่าร์ในปีที่ผ่านมา

ภาคเอกชนเคยเป็นตัวช่วยที่สำคัญให้เศรษฐกิจพ้นวิกฤตเช่นธุรกิจส่งออก ในวิกฤตต้มยำกุ้ง

ครั้งนี้คงเป็นเอกชนขนาดใหญ่ที่ยังคงมีกำลังความสามารถในการทำกำไรโดยเฉพาะกิจการในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีทั้งเงินและองค์ความรู้เป็นการเฉพาะ ควรเอามาแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างประเทศร่วมกับรัฐบาล

ตัวอย่างไต้หวันสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมใช้แรงงานเป็นเครื่องจักรทันสมัย และในที่สุดเป็นหนึ่งในผู้ผลิต ชิปเซ็ต รายสำคัญของโลก ที่เป็นหัวใจ ของอุปกรณ์  IT โดยบริษัทเอกชน  TSMC

โชคดีของไทยที่เคยมีรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดก่อน ๆ วางรากฐานที่สำคัญให้ประเทศ ขอยกตัวอย่างเร็ว ๆ นี้เรื่องเทคโนโลยีอวกาศของ รมต.อุดมศึกษาวิทยาศาสตร์และนวตกรรม แผนการส่งดาวเทียมไปโคจรดวงจันทร์ใน 7 ปี เป็นการคิดนอกกรอบเพื่อความท้าทายด้านเทคโนโลยี่

หรือการสรุปผลงานที่ทำเป็นรูปธรรมในรอบหนึ่งปีตามนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ของ รมต.อุตสาหกรรม

เราคงต้องการผู้ร่วมบริหารประเทศที่มีวิสัยทัศน์ และนำไปสู่การปฎิบัติเพื่อลูกหลาน

อนาคตของประเทศชาติ คงต้องฝากกับคณะรัฐมนตรีทุกท่านให้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิง ท่านที่ 31 ของไทย

วงศกร  พิธุพันธ์

กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เผด็จศึกเขมร ต้องทุบให้เดี้ยง! ไม่ควรทิ้งปัญหาให้ลูกหลาน

จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งล่าสุดจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. มีทหารไทยเสียชีวิตแล้วรวมเป็น 11 นาย รายการ "ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" สัมภาษณ์พิเศษ

ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..

สังคมอุดมอินฟลูฯ ถึงเวลารัฐต้องจัดระเบียบเสียที!

โซเชียลมีเดีย (social media) หรือ “สื่อสังคม (ออนไลน์)” เป็นเครื่องมือสำหรับการติดต่อสื่อสาร และการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารที่มีอิทธิพลต่อคนในยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง สำหรับใครหลายคน โซเชียลมีเดียเปรียบเสมือนอวัยวะส่วนที่ 33 ก็ว่าได้ เพราะใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้าจนค่ำในแต่ละวันท่องโลกสังคมออนไลน์เพื่อการทำงานบ้าง เพื่อความบันเทิงบ้าง ด้วยเหตุผลนี้เอง ผู้คนมากหน้าหลายตาจึงเห็นประโยชน์ของโซเชียลมีเดีย และผันตัวมาเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” (influencers) หรือ “ผู้ทรงอิทธิพล (ทางความคิด)”

ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ

 “พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”

รัฐสภาประชุมแก้ รธน. 10-11 ธ.ค. เชื่อผ่านวาระสาม สภาสูงไม่ตีตก

ในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการประชุมรัฐสภาในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ