
นายกฯ บอกว่าจะยุบสภาปลายเดือนมกราคมปีหน้า แต่คิดว่าอาจจะก่อนหน้านั้น อาจจะมีความขัดแย้งกันถึงขั้นที่ว่า อาจมีการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนที่เคยบอกไว้...ขอเพียงแค่ว่าไม่ถึงกับต้องดีมาก นายอนุทินไม่เดินสะดุดขาตัวเอง คือไม่ต้องถึงกับจุดพลุ ฉายแววเจิดจรัส ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ขอเพียงแค่ไม่สะดุดขาตัวเองในรอบ 4 เดือน อย่างไรเสียหลังเลือกตั้งก็มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ สูงกว่าคนอื่น
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย จะนำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบาย จะทำให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน
"ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล" (NIDA Poll) ประเมินอนาคตของรัฐบาลอนุทินต่อจากนี้ รวมถึงวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยย้ำว่างานใหญ่ของรัฐบาลตอนนี้คือ ภารกิจ "การแก้ปัญหาชายแดน" เพราะว่าพื้นที่ซึ่งมีปัญหาไม่ใช่แค่กองทัพภาคที่ 2 แต่ยังรวมถึงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวในเชิงการทูตของเรายังช้าและไม่ทันเขา (กัมพูชา) การแก้ปัญหาชายแดนจะส่งผลต่อคะแนนนิยมอย่างมากต่อรัฐบาล อย่าไปคิดว่าทุกคนวิ่งไปยังพื้นที่ชายแดนหมดเพราะคือพื้นที่สร้างคะแนนนิยม แต่ถ้าไม่พูดถึงเรื่องคะแนนนิยม พื้นที่ชายแดนคือพื้นที่ซึ่งประชาชนทั้งประเทศเฝ้าจับตามองอยู่ และต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้จบโดยเร็ว
เรื่องต่อไปที่สำคัญสำหรับรัฐบาลก็คือ "เรื่องเศรษฐกิจ" โดยเฉพาะ "การกระตุ้นเศรษฐกิจ" จริงอยู่ที่ว่า 4 เดือนอาจกระตุ้นได้ไม่เท่าไร แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอย่างเรื่อง "โครงการคนละครึ่ง" ซึ่งในเชิงเศรษฐกิจมันก็จะกระตุ้นได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าในเชิงจิตวิทยา ก็จะเห็นภาพได้ว่าเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้ คือคงไม่ได้ถึงกับออกมาแล้วตูมตาม แต่ในเชิงจิตวิทยามันสร้างผลกระทบสูง เพราะชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า คนค้าขาย เขาจะแฮปปี้เพราะเขาเคยได้มาแล้วคนละครึ่ง ประชาชนรู้วิธีการใช้คนละครึ่ง เพียงแต่ต้องดูเรื่องระเบียบอันใหม่ที่จะออกมาก่อนว่าจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง คือกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนหวัง ซึ่งหากรัฐบาลไม่ทำก็จะเหมือนตอนรัฐบาลเพื่อไทยชุดที่แล้ว ที่มีแต่คนถามว่าแจกเงินหมื่นอยู่ไหน (ดิจิทัลวอลเล็ต) เช่นเดียวกับเรื่องการท่องเที่ยว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวกันแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะผลักดันโครงการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอะไรออกมาบ้างเพื่อผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ เรื่องที่ท้าทายแต่ไม่ได้ท้าทายในเชิงคะแนนนิยม แต่เป็นแรงท้าทายในเรื่องจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาล กับจุดยืนของพรรคฝ่ายค้านที่โหวตสนับสนุนให้เกิดรัฐบาล นั่นก็คือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นอีกเรื่องที่ท้าทายรัฐบาล โดยอาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้สุดท้ายรัฐบาลอนุทินกับพรรคประชาชน ที่สนับสนุนให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นมา ที่ตอนจบอาจไม่ได้จบแบบสวยงาม อาจจะมีความขัดแย้งหรือมีประเด็นที่ทำให้เกิดการหักกัน
...มองว่าที่นายกฯ บอกว่าจะยุบสภาปลายเดือนมกราคมปีหน้า แต่ผมคิดว่าอาจจะก่อนหน้านั้น อาจจะมีความขัดแย้งกันถึงขั้นที่ว่าอาจมีการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนที่เคยบอกไว้ หากสังเกตให้ดีก่อนหน้านี้ นายอนุทินเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาคำแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 29 ก.ย. โดยให้เหตุผลว่านโยบายคนละครึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณปี 2568 ไม่ใช่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ถามว่าทำไมต้องเร่ง ก็เพราะเงินก้อนหนี้คือสัญญาประชาคมตั้งแต่เข้ามา และเป็นเงินก้อนที่เมื่อเทลงไปแล้วคนแฮปปี้ คะแนนมันมา และยังมีกรณีนายกฯ ปล่อยมือ โดยให้กองทัพแสดงบทบาทเต็มที่โดยถือเป็นนโยบายรัฐบาลว่า รัฐบาลอนุญาตให้กองทัพดำเนินการอย่างเต็มที่ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นายกฯ ปล่อยให้กองทัพนำ ที่เชื่อว่ากองทัพจะจัดการได้ดี ตรงนี้ก็เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของคะแนน ขณะที่ส่วนอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดคะแนนก็เป็นเรื่องทั่วไป เช่นที่นายกฯ พูดเรื่องการปราบปรามยาเสพติด การแก้ปัญหา
...การที่รัฐบาลเร่ง เร่งเพราะอะไร เร่งเพราะหากสมมุติ เดือนตุลาคมปีนี้เงินลงไปสู่ประชาชน ถึงกลางเดือนพฤศจิกายนเงินลงเข้าไปเต็มที่แล้ว ประชาชนแฮปปี้ ซึ่งช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายนปัญหาชายแดนอาจได้รับการแก้ไข คะแนนมาแล้ว ต่อให้ตีกับพรรคประชาชนในเดือนพฤศจิกายน แล้วเดือนธันวาคมีการยุบสภา ก็ไม่มีอะไรให้น่าเสียใจ
-ในฐานะทำโพล คะแนนนิยมนายกฯ อนุทินช่วงหลังเป็นอย่างไร และมีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร?
ผลสำรวจก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ผลโพลที่ออกมาก็ชัดเจนคือคะแนนนายอนุทิน ขึ้นจาก 3 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 9 เปอร์เซ็นต์ และในส่วนโพลล่าสุดเกี่ยวกับคะแนนนิยมที่จะออกมาในวันอาทิตย์นี้ 28 ก.ย. ซึ่งผมบอกเลยว่าพอมีอำนาจรัฐในมือ มันมีโอกาสหากใช้เป็น ใช้อำนาจรัฐในทางบวก มันสามารถจะสร้างคะแนนได้อยู่แล้ว
ส่วนประเด็นที่อาจจะทำให้ต้องสะดุดขาตัวเอง ก็คือเรื่องที่ถูกกล่าวหา กรณีเขากระโดงและการฮั้ว สว. ถ้าไม่ทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อเกินไป น่าเกลียดจนเกินไป ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำอะไรที่คนทั้งสังคมมองแล้วมันน่าเกลียด นั่นคือการสะดุดขาตัวเอง รวมถึงประเด็นอย่างเรื่องสถานการณ์ชายแดน ไม่ใช่ว่าทำอยู่ดีๆ เกิดตัดสินใจไปเปิดด่านขึ้นมา โดยที่ประชาชนทั้งประเทศไม่เอา แบบนี้ก็พังเหมือนกัน
“ผศ. ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล” กล่าวต่อไปว่า สำหรับนายกฯ อนุทิน แม้ที่ผ่านมาภูมิใจไทยจะไม่ค่อยสนใจเรื่องกระแส เพราะคิดว่ามีทรัพยากรการเมืองเยอะ แต่ผมเชื่อว่า ณ ขณะนี้เขาต้องเข้าใจเรื่องกระแส ถ้าอยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง รวมถึงประเด็นที่มีการรับปากไว้เช่นเรื่องคนละครึ่ง ซึ่งหากประชาชนไม่ได้ ก็จะไม่แตกต่างอะไรกับเพื่อไทยที่ไม่แจกเงินหมื่น ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญคงไม่มีผล เพราะจากที่มีการทำโพลถามประชาชนเรื่องเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งแม้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจเกินครึ่งจะบอกว่าอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อถามว่าอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแบบไหน พบว่า 70 กว่าเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ไม่ได้เห็นด้วยกับการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แสดงว่าคนส่วนใหญ่มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอะไรที่มันไม่ดีก็แก้เป็นมาตราไป แต่ตอนนี้ความพยายามของพรรคประชาชนคือให้แก้ทั้งหมด แบบเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่้ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งยวง
ถามว่าภูมิใจไทยต้องการแก้ไขทั้งยวงหรือไม่ ผมเชื่อว่าในใจเขาไม่ต้องการแก้ทั้งยวงหรอก แต่บังเอิญไปสัญญากับพรรคประชาชนไว้ ซึ่งหากตรงนี้ไม่สามารถเดินไปถึงเป้าหมายได้ ถามว่าเขาจะเสียหายเหมือนตอนที่พรรคเพื่อไทยหักสัญญาหรือตระบัดสัตย์หรือไม่-ก็เสียหาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีนัยสำคัญที่ทำให้เขาต้องมาเจ็บปวด โดยจะเสียหายในกลุ่มอื่น เสียหายในกลุ่มสีส้มที่ต้องการแก้ไขทั้งฉบับ ที่ในกลุ่มนี้ก็ไม่ให้คะแนนกับสีน้ำเงินอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแคร์อะไรเลย
-หากนายอนุทินสามารถบริหารจัดการนโยบายรัฐบาลไปได้ มีโอกาสหรือไม่ที่จะได้กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น?
เอาแบบนี้ ขอเพียงแค่ว่าไม่ถึงกับต้องดีมาก นายอนุทิน ไม่เดินสะดุดขาตัวเอง คือไม่ต้องถึงกับจุดพลุ ฉายแววเจิดจรัส ไม่ต้องถึงขนาดนั้น ขอเพียงแค่ว่าไม่สะดุดขาตัวเองในรอบ 4 เดือนนี้ อย่างไรเสียเลือกตั้งกลับมา ก็มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ สูงกว่าคนอื่นเสมอ ส่วนจะสูงกว่าคนของพรรคประชาชนหรือไม่ คิดว่าหากเป็นระบบปาร์ตี้ลิสต์คงสู้พรรคประชาชนไม่ได้ แต่ระบบเขตอย่างไรก็เหนือกว่า และ สส.ระบบเขตมีจำนวนมากกว่า สส.ปาร์ตี้่ลิสต์
ให้ดูจากก่อนหน้านี้ คะแนนนิยมนายอนุทินมีแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ แต่กวาด สส.หลังเลือกตั้งปี 2566 ได้ 70 เก้าอี้ แสดงว่า สส.ทั้งหลายหาเสียงมาด้วยความยากลำบาก เพราะไม่มีกระแสอยู่ในกระเป๋า มีแต่ทรัพยากรการเมืองอย่างอื่นในกระเป๋า แต่กระแสไม่มีในกระเป๋า แต่คะแนนนิยมทางการเมืองจากการสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่านายอนุทินมีคะแนนนิยมขึ้นมาเป็น 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเวลาหาเสียงต้นทุนมันสูงขึ้นแล้ว โอกาสที่จะหาชัยชนะมันง่ายมากขึ้น
เปรียบเทียบอย่างเช่น เขตเลือกตั้งแห่งหนึ่งต้องการ 30,000 คะแนนก็ได้เป็น สส. สมมุติว่าครั้งก่อนสามเปอร์เซ็นต์คิดเป็น 3,000 คะแนน ผู้สมัคร สส.เขตนั้น (พรรคภูมิใจไทย) ต้องหาเพิ่มมาอีก 27,000 คะแนน แต่คราวนี้ขึ้นมา 9 เปอร์เซ็นต์ ก็คือหาอีกแค่ 21,000 คะแนน โดยหากทำดีๆ ถ้าได้มากกว่านั้นก็ได้เป็น สส.เขต จะเห็นได้ว่าโอกาสมันง่ายกว่ากันเยอะเลยกับการที่กระแสนายอนุทินขึ้นมา ซึ่งกระแสมีความสำคัญคือทำให้ประหยัดทรัพยากรทางการเมืองขึ้นมาเยอะ
-คิดว่าช่วงนี้กระแสฝ่ายขวากำลังเลี้ยวกลับมาหรือไม่ เช่นประชาชนรักทหารมากขึ้น หรือฝ่ายนายอนุทินก็ชูสีน้ำเงิน?
ผมคิดว่าเป็นเรื่องกระแสชาตินิยม ตอนที่ผมเคยทำโพล (นิด้าโพล) ถามว่าคุณเป็นชาตินิยมหรือไม่ คนที่ตอบว่าเป็นชาตินิยมอย่างมาก ค่อนข้างชาตินิยม และชาตินิยมตามสถานการณ์ รวมกันแล้วประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ที่รวมทุกกลุ่ม รวมถึงคนที่เป็น conservative และ liberal ทุกคนเป็นชาตินิยมเมื่อสถานการณ์มาถึง
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังยุบสภาในอีก 4 เดือนข้างหน้า ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อให้จบหรือไม่จบก็ตาม มันเป็นกระแสสำคัญของการนำมาซึ่งคะแนนเสียง คนจำนวนมากยังคงมีความเป็นชาตินิยม แต่เขาอาจไม่ได้ทิ้งความเป็น liberal แต่ความเป็นชาตินิยมมาก่อนความเป็น liberal ขอเป็นชาตินิยมก่อนแล้วค่อยกลับไปเป็นเสรีนิยมตอนหลัง หรือเป็นชาตินิยมก่อนแล้วค่อยกลับไปเป็น conservative ทีหลัง ซึ่งในการสำรวจที่มีการถามเรื่องความเป็นชาตินิยม 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นคนรุ่นใหม่ แม้คนรุ่นใหม่จะเป็นคนที่มีความเป็นกระแสชาตินิยมต่ำกว่าคนกลุ่มอื่นแต่ก็สูงมาก
-คิดว่าภูมิใจไทยมีสิทธิ์เบียดขึ้นมาแข่งกับพรรคประชาชนหรือไม่?
รอดูผลสำรวจนิด้าโพลวันอาทิตย์นี้ 28 กันยายน
-การที่รัฐบาลอยู่ 4 เดือน ตอนแรกคนอาจมองว่าเวลาแค่นี้จะทำอะไรได้ แต่อีกมุมหนึ่งหากอยู่นานคนก็อาจจะเบื่อ แผลอาจเยอะ?
ถูกต้อง อยู่นานคนเบื่อ มีแผลเยอะ หากดูจากรัฐบาลทุกรัฐบาลในอดีต 4 เดือนแรกของรัฐบาลคือช่วงฮันนีมูนพีเรียด คือไม่ว่าทำดีหรือไม่ดีคนก็ยังไม่ด่า คนก็จะบอกว่านายกฯ เพิ่งมา รัฐบาลเพิ่งเข้ามา ให้ใจเย็นๆ ซึ่งกรอบ 4 เดือนของรัฐบาล ไม่รู้ว่าที่พรรคประชาชนไปตั้งเอาไว้ ลืมคิดเรื่องนี้ไปหรือไม่ ว่า 4 เดือนคือช่วงฮันนีมูนพีเรียด อยู่ดีๆ ก็โยนคะแนนให้เขา เขายังไม่ทันได้ทำอะไรผิดพลาดเลยก็ยุบสภาเลือกตั้งแล้ว คนก็ยังจำสิ่งดีๆ ตอนช่วงฮันนีมูนพีเรียดได้ ทำให้โอกาสกลับมาก็เยอะ นอกเสียจากว่ามีรัฐมนตรีบางคนของรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลไปสร้างแผลใหญ่ขึ้นมา แล้วนายอนุทินไม่รับผิดชอบด้วยการเอาออกจากตำแหน่ง แผลดังกล่าวจะเป็นเชื้อที่ลามไปติดนายกฯ อนุทินด้วย
-เห็นมีรัฐมนตรีบางคนที่ฝ่ายค้านจ้องจะอภิปรายเรื่องคุณสมบัติ หรือบางคนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ก็ถูกจับตามองว่าจะเป็นสายล่อฟ้า มองเรื่องนี้อย่างไร?
รอดูในช่วงการแถลงนโยบายรัฐบาล แต่การอภิปรายระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาล คิดว่าความสนุกไม่ได้อยู่ที่สีส้มโจมตีสีน้ำเงิน รวมถึงไม่ได้อยู่ที่สีส้มวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของสีน้ำเงิน และไม่ได้อยู่ที่สีแดงวิพากษ์วิจารณ์สีน้ำเงิน แต่ความสนุกอยู่ที่สีแดงกับสีส้มจะแซะกันเองระหว่างอภิปราย ฝ่ายค้านแท้ๆ กับฝ่ายค้านครึ่งตัวจะแซะกันเอง อันนี้จะสนุกมากกว่า แล้วฝ่ายสีน้ำเงินก็จะนั่งเฉยๆ นั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน
ศึกเลือกตั้ง 2569 ชิงกันระหว่าง 'น้ำเงิน-ส้ม'
-ประเมินการเลือกตั้งระหว่างพรรคสีแดง น้ำเงิน ส้ม จะเป็นอย่างไร จะแตกต่างจากตอนเลือกตั้งปี 2566 อย่างไร?
ถ้าอิงจากผลสำรวจนิด้าโพลล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ผมคิดว่าคู่แข่งสำคัญจะเป็นการแข่งขันกันระหว่าง พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน พรรคประชาชนจะได้สูงสุดไม่เกินจากเดิม คือไม่เกินประมาณ 150 ที่นั่ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยงานนี้ขึ้นหลักร้อยแน่ แต่จะร้อยเท่าไหร่ไม่สามารถการันตีได้ แต่คาดว่าน่าจะถึง 120 ที่นั่ง ส่วนหากจะถามว่าพรรคประชาชนจะได้ สส.ลงมาต่ำกว่า 150 ที่นั่งได้สักขนาดไหน มีความเป็นไปได้สูง ที่หากพรรคประชาชนถ้าเกิดไปพลาดท่าในเขตเมือง ไม่นับกรุงเทพมหานคร คือเขตเมืองในต่างจังหวัดทุกจังหวัด หากพรรคประชาชนพลาดท่าในเขตเมืองทุกจังหวัด เป็นไปได้ว่าสีน้ำเงินจะแซงขึ้นไปได้หรือไม่ ตรงนี้ยังคงตั้งเครื่องหมายคำถามอยู่
ส่วนสีแดงผมประเมินว่าน่าจะได้ สส.ไม่เกินครึ่งจากที่เคยได้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งครึ่งหนึ่งก็คือประมาณเจ็ดสิบที่นั่ง แต่ผมกะว่าสักประมาณหกสิบที่นั่ง ตัวเลขจะหล่นมาเยอะ และสิ่งที่เราจะเห็นก็คือ สีแดงเมื่อรวมกับสีส้มรวมกันแล้วไม่ถึง 250 ที่นั่ง แล้วจะถูกทิ้งให้เป็นฝ่ายค้าน ทำให้รัฐบาลสมัยหน้า สภาสมัยหน้า จะถึงเวลาที่แฟนเก่าจำเป็นต้องมารักกัน ก็คือส้มกับแดง จำเป็นต้องมารักกัน คือกลับมาเป็นฝ่ายค้านคู่กันอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนในช่วงการเลือกตั้งปีหน้า หากนายทักษิณ ชินวัตร พักโทษออกมาจากเรือนจำก่อนหนึ่งปี จะด้วยกฎหรือระเบียบอะไรก็ตามแต่ แล้วเกิดสร้างความสงสัยให้กับประชาชนทั้งประเทศ ว่าออกมาโดยถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ หากคนเกิดความรู้สึกว่าไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ก็ทำให้นายทักษิณจะไปดึงคะแนนลงมาอีกรอบ แต่หากอยู่จนครบหนึ่งปีแล้วออกมาแบบแมนๆ ไม่มีคนตั้งคำถามอะไรอีกต่อไป การเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ใช่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น แต่เป็นการเลือกตั้งครั้งถัดไปอีก จะสามารถนำพรรคเพื่อไทยได้สบายเลย เมื่อคราวนี้แพ้ก็ยอมเถอะ อย่าดิ้นเลย บางทีถ้ามันไม่ไหวก็ถอยบ้าง ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่างในชีวิต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้


