
ในที่สุดประเทศไทยก็เข้าสู่สภาวะอับจนทางการเมืองครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อรัฐบาลได้ตัดสินใจยุบสภากระทันหันท่ามกลางห่ากระสุน ซากศพและควันปืน และการถดถอยทางเศรษกิจเรื้อรังที่จะตามมาเป็น วิกฤติซ้อนวิกฤติซ้อนวิกฤติอย่างที่ไม่เคยเห็นและเป็นมาก่อนนับตั้งแต่ภัย สงครามเวียดนาม และการทำสงครามสั่งสอนของจีนต่อเวียดนามเหนือที่กำลังจะบุกโจมตีประเทศไทยไม่รวมถึง ต้มยำกุ้ง และการปฏิวัติอีกหลาย ๆ หน เมื่อเกือบ30 ปีที่ผ่านมา
ทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องกลายเป็นรัฐบาลชุดรักษาการที่มีอำนาจลดทอนลงท่ามกลางสถานการณ์สุญญากาศทางเศรษฐกิจ ความแตกร้าวของอาเซียนที่ต้องการให้อาเซียนเป็นเขตแห่งสันติภาพและความมืดมนทางการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง
และด้วยความเก๋าเกมทางการเมืองของไทยทำให้มีผู้เชื่อว่าถ้าสถานการณ์สงคราม ลากยาว อาจทำให้มีความจำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งทั่วประเทศออกไป และทำให้เกิดรัฐบาลรักษาการที่ต้องการอยู่กับสถานการณ์ความตึงเครียดนี้ไปเรื่อย ๆ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจประเทศชาติบ้านเมืองและปวงชนชาวไทย
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดหากสถานการณ์ลากยาวไปถึงครึ่งปีหน้าและยังไม่สามารถลากคอฮุนเซ็นให้ยอมจำนนจนมุมและรบกันไปเรื่อย ๆ ก็เป็นที่น่าเป็นห่วงว่า ไทยอาจจะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ และจะต้องมีรัฐบาลรักษาการณ์เป็ดง่อยไปเป็นปี ซึ่งจะทำให้การเมืองและเศรษฐกิจของไทยหลงทาง และจะคุ้มดีคุ้มร้ายไปตลอดปีหน้าและจะติดหล่มจมปลักไปอีกหลายปีข้างหน้าโดยไม่มีวันฟื้น
ดังนั้นการดำเนินการใด ๆ ที่
1. จะขจัดความไม่แน่นอนทางการรบที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร
2. การควบคุมบริหารปัญหาชายแดน และ
3. ความสามารถของผู้นำไทยในการดึงมหาอำนาจสร้างแนวร่วมทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อลดความตึงเครียดของสงคราม
4. ตลอดจนการรีบนำการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างรวดเร็วตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยการมีนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารประเทศโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญโดยพลันและมั่นคง ย่อมจะช่วยบรรเทาความเป็นห่วงกังวลของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่นับวันจะถอยออกจากประเทศนี้ และอาจจะไม่กลับมาอีกตลอดไป ซึ่งคราวนี้ มิไยที่ไทยจะกวักมือเรียกสักเพียงใด ก็จะได้มาแค่โครงการบนกระดาษเปล่า ลมปาก และความหวัง เท่านั้น
ยิ่งถ้าไม่มีการยุติหรือสรุปการต่อสู้หรือตั้งโต๊ะเจรจามามัวแต่เพลิดเพลินสนุกสนานไปกับอินฟลูติ๊กต็อก หลงละเลิงไปกับยุทธการการรบ และวอร์เกมก็ยิ่งดูเหมือนว่า ไทยอาจหลงอยู่ในเขาวงกตและติดกับดักสงคราม
อันจะนำประเทศไปสู่ปากเหวความหายนะทางเศรษฐกิจมากขึ้นเท่านั้น
จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ผู้นำประเทศไทยและกระทรวงการต่างประเทศต้องแสดงฝีมือคู่ขนานไปกับความสำเร็จทางทหารที่ต้องแลกกับการบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อ รัฐบาลรักษาการต้องแสดงความรับผิดชอบ
เต็มกำลัง ต้องแสดงความเป็นผู้นำ ทางการเมือง และการทูตให้เกิดกระบวนการและบทสรุปแห่งสงครามโดยพลัน และสร้างเงื่อนไขข้อต่อรองแลกเปลี่ยนโดยสันติวิธี ที่จะบีบให้กัมพูชายอมจำนนมาร่วมโต๊ะประชุมเอาคนไทยกลับบ้านอย่าให้กลายเป็นตัวประกัน รวมทั้งจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อจะนำประเทศไปสู่กระบวนการที่มีปวงชนมอบความไว้วางใจและมอบอำนาจโดยชอบธรรม ในการเจรจาต่อรองยุติสงคราม ไม่ใช่ปล่อยให้มีการทำสงครามยิงกันไปมาไม่มีที่สิ้นสุดประเภทเอ็งมาข้ามุดเอ็งหยุดข้าแหย่ อย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดรักษาการ รัฐบาลชุดหน้า และชุดต่อ ๆ ไป ที่จะต้องรีบทำสงครามให้ยุติ เจรจาสันติภาพ ทำการเมืองให้นิ่ง ล้างบ้านล้างเมือง กำจัดความอยุติธรรม และอาธรรม์ (ถ้าทำได้) และเร่งจัดให้มีการเลือกตั้งที่ใสสะอาด ปราศจากพลร่ม ไพ่ไฟ ใบสีม่วง ไร้ซึ่งร่องรอยที่มาซึ่งการกระทำอันส่อไปในทางทุจริตของส่วนราชการต่างๆ หรือฮั้วมาซึ่งการผูกขาดอำนาจ ต้องเร่งลงมือปราบปรามการประพฤติทุจริตคิดมิชอบใน
การเลือกตั้ง ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเที่ยงธรรม เป็นธรรม และทั่วถึง ไม่ซ้ำรอยเดิมของการเลือกตั้ง สว. หรือยอมละเลยให้มีการสร้างกฎระเบียบศรีธนญชัยสไตล์กำมะลอ ปกปิดความผิด บล้อคโวต ซื้อคะแนนเสียง หรือแม้กระทั่งกวาดต้อนบ้านเล็กบ้านน้อย แบบครั้งก่อนๆ รวมทั้งเปิดให้มีการแข่งขันทางการเมืองที่ยุติธรรม และเป็นธรรมต่อทุกๆฝ่าย
โดยประชาชนจะต้องออกมาออกเสียงและเป็นผู้ตัดสินการแข่งขันทางการเมืองที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากในครั้งนี้ ไม่ใช่ส่ายหน้าและบอกว่าไม่รู้จะเลือกใคร
ทั้งนี้ประชาชนคนไทยผู้ลงคะแนนเสียงต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมการเมืองอันดี จริยธรรม และจรรยาบรรณของพรรคการเมือง และสมาชิกผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ของแต่ละพรรค เป็นสำคัญ
ถ้าเป็นพรรคหรือนักการเมืองที่ขาดซึ่งสามสิ่งข้างต้น ก็ควรใช้วิจารณญาณว่าสมควรจะเลือกพรรคการเมืองหรือนักการเมืองนั้นๆหรือไม่
เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกพรรคการเมืองเพื่อช่วยแก้วิกฤติในครั้งนี้ ประชาชนคนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราควรตรวจสอบผลงานพรรคการเมืองและตัวบุคคลจากข้อมูลที่บ่งบอกพฤติกรรมต่างๆและเลือกพรรคที่จะสามารถยุติความขัดแย้ง และสงครามนำประเทศเข้าสู่การเจรจาสากลเป็นที่ประจักษ์เป็นประการแรก
2. พรรคการเมืองควรประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณธรรมตระหนักรู้นโยบายเศรษฐกิจสังคมเชิงสาธารณะที่ทันสมัยและก้าวหน้า ไม่จมปลักยึดติดอยู่กับฝ่ายซ้ายฝ่ายขวากีฬาสีหรืออนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยมหรือลูกเมียพรรคพวกพี่น้องผองเพื่อน และให้ถือเสมือนกับวาทะเติ้งเสี่ยวผิงที่ว่า “ข้าพเจ้าไม่สนใจว่าแมวจะเป็นสีอะไรขอให้จับหนูได้เป็นพอ”
3. มาตรการและโครงการใด ๆ ก็ตามต้องสามารถนำมาปฏิบัติเป็นมรรคเป็นผลได้ทันตาเห็น ไม่ใช่เป็นมาตรการเฉพาะกิจ เฉพาะกาล ลูบหน้าปะจมูก หรือมาตรการเผชิญเหตุ แต่ต้องเป็นมาตรการสาธารณะ
ธรรมาภิบาล ที่ผ่านการศึกษาวิเคราะห์ผลดีผลเสียและต้นทุนกำไร ผลดีต่อส่วนรวม แล้วต้องทำต่อเนื่อง สืบเนื่อง และยั่งยืน ซึ่งต้องผ่านการวิเคราะห์และวินิจฉัยจากสำนักงบประมาณ รวมทั้งคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ไม่ใช่เป็นใบสั่งกรณีเร่งด่วนใช้กระดาษแผ่นเดียวมาของบประมาณเป็นล้านเป็นต้น
4. รัฐบาลและผู้นำต้องเอาใจใส่ต่อการแก้ไขและกิโยตีนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทำธุรกิจภายในประเทศ รวมทั้งการปรับกฎหมายให้มีความทันสมัยมีความเป็นสากล เพื่อสร้างการแข่งขันและเพิ่มเศรษฐกิจความเร็ว ( Economy of Speed ) ในการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศ ตลอดจนลดขั้นตอนการอนุมัติทางราชการหรือใช้การอนุมัติออนไลน์เพื่อขจัดทุจริตคอร์รัปชั่น
5. การดำเนินวิเทโศบายทางการทูตและการต่างประเทศ ต้องเพิ่มขีดความสามารถทุกมิติมากกว่าการทูตเชิงรุกด้วยวาจาดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและจำเป็นต้องมีบุคคลสำคัญทางการทูตที่เป็นที่รู้จักนับถือจากมหาอำนาจต่างประเทศในวงกว้างซึ่งเข้าใจประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ตลอดจนภูมิรัฐศาสตร์และข้อมูลเชิงลึกด้านความมั่นคงทางการค้าและผลประโยชน์ ตลอดจนกระบวนการการเข้าเจรจากับประเทศ มหาอำนาจเหล่านั้น และมีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากนายกรัฐมนตรี
6. ซาร์เศรษฐกิจของประเทศ ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศและเป็นแบรนด์เช่นเดียวกันกับรัฐมนตรีต่างประเทศ บุคคลนี้ต้องเป็นที่รู้จักและมีความสามารถทักษะด้านการเงินและการคลังเป็นที่ประจักษ์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการเงินการคลังมีความซื่อสัตย์ และความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบายและมาตรการการเงินการคลังโดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
7. สนับสนุนนโยบายการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม และส่งเสริมการกำกับดูแลการแข่งขันในทุก ๆมิติ ซึ่งเป็นกุญแจดอกสำคัญต่อการดึงดูดนักลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจอย่างเป็นธรรม และเป็นการสร้างโอกาสและความเข้มแข็งให้กับบริษัทและวิสาหกิจขนาดย่อมเล็กกลางใหญ่ MSMEs และ Global Supply Chain ที่มาตั้งฐานการผลิตในไทย
8. ลงทุนเพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและวิศวกรรมทางน้ำเพื่อป้องกันวิบัติภัยที่อาจคุกคามพื้นที่แหล่งธุรกิจเงินทุนเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมโรงงาน และให้งบประมาณก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอ
9. พรรคการเมืองควรมี นโยบายการศึกษาในระดับอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัย และเร่งพัฒนานวัตกรรมระดับอุดมศึกษาการประดิษฐ์ชั้นสูงเพื่อนำไปสู่ยุคเอไอและยุค Trivergence ที่ AI Block chain และ IoT จะรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันบนฝ่ามือเหมือนกับที่ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ เกมส์ Applications และ Internet WEB 3 รวมกันเป็นมือถือที่ประดิษฐ์โดย Steve Jobs
10. อย่างไรก็ดี หากไม่มีพรรคการเมืองใดสนใจเสนอนโยบายสาธารณะดังกล่าวมาข้างต้นเลยและไม่มีพรรคการเมืองใดมีเสียงข้างมาก แบบ Landslide ที่จะนำมาปฏิบัติบ้าง ก็เตรียมเก็บกระเป๋าคอยหลบลูกกระสุน MB 21 ไปอีกหลายปี พร้อม ๆ กับการล้มละลายของประเทศที่เรารักและเป็นห่วง จากนี้เป็นต้นไป
กฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์
มูลนิธินโยบายสาธารณะ
อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก
และอดีตกรรมการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า( กขค )

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จ.บุรีรัมย์ ให้ 'ผู้อพยพ' กลับบ้านได้บางส่วน เฉพาะพื้นที่ประเมินแล้วไม่เสี่ยง หลังเสียงปืนเบาลง
จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลา 16 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการปะทะที่ยาวกว่าครั้งที่ผ่านมาจนผู้อพยพเกิดความกังวลว่าจะสงบลงเมื่อไหร่
นายกฯ คุยทูตพิเศษจีนแล้ว รับทราบจุดยืนไทย สันติภาพเกิดขึ้นตามเงื่อนไข 4 ข้อ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับนายจาง เจียนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และนายเติ้ง สีจวิน เอกอัครราชทูตและผู้แทนพิเศษด้านกิจการเอเชียและกระทรวงการต่างประเทศจีนว่า
จับตา! ถกอาเซียนนัดพิเศษ มีอะไรในกอไผ่
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "มีอะไรในกอไผ่" โดยระบุว่า
รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม
พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

