ปอร์เช่ ประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนพลังความหลงใหลตลอดปี 2568

ปัจจุบันความสำเร็จในอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่เพียงแค่วัดผลจากยอดจดทะเบียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังวัดจากคุณค่าของแบรนด์ ความสัมพันธ์กับลูกค้า และพลังการเชื่อมโยงกับผู้คน โดยในปี 2568 ปอร์เช่ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนและการสร้างกลุ่มผู้หลงใหลในแบรนด์ที่แข็งแกร่งไม่ได้แยกจากกัน แต่มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ด้วยความมุ่งมั่นต่อลูกค้าและแฟนๆ ของปอร์เช่ ควบคู่กับกลุ่มรถยนต์ที่พร้อมรับความต้องการในอนาคต และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งปอร์เช่ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในฐานะหนึ่งในผู้นำกลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “การเติบโตของเราในปี 2568 ไม่ได้เพียงวัดจากยอดจดทะเบียนหรือยอดจองรถ แต่ยังสะท้อนผ่านความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องกับลูกค้าและกลุ่มผู้หลงใหลปอร์เช่ในวงกว้าง เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกิจกรรมและประสบการณ์ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณและเอกลักษณ์ของปอร์เช่ การรวมกลุ่มของผู้หลงใหลไม่เพียงช่วยเสริมความสัมพันธ์กับแบรนด์ให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่ยังทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเดียวกัน ปอร์เช่ ประเทศไทย ภูมิใจที่ได้สนับสนุนทุกกิจกรรมของผู้หลงใหลในปอร์เช่ เพื่อร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”

แม้ตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมจะมีการแข่งขันสูง และยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในระดับโลก ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตลอดช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 โดยมีแรงขับคลื่อนสำคัญมาจากกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) คิดเป็นสัดส่วนถึง 89% ของยอดจำหน่ายรวมของปอร์เช่ ประเทศไทย สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างชัดเจน และความเชื่อมั่นต่อกลยุทธ์ในการนำเสนอระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายของแบรนด์ การเติบโตดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนถึงความต้องการซื้อที่ยังคงมีความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังเป็นผลจากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่สมดุลและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ รุ่นประกอบในประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียมยังคงเป็นกลุ่มตลาดที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งคาเยนน์ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำของปอร์เช่ในเซกเมนต์ดังกล่าว ด้วยการผสานดีเอ็นเอ แห่งรถสปอร์ตเข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ส่งผลให้สามารถดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และผู้หลงใหลในปอร์เช่มาอย่างต่อเนื่อง

ตลอดปี 2568 ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้เดินหน้าขยายและพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด ”Destination Porsche” เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ และชลบุรี ครอบคลุมตั้งแต่ Porsche Centre Bangna, Porsche Centre Pattanakarn และ Porsche Centre Pattaya   ซึ่งทุกที่ได้ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่สอดคล้อง เป็นหนึ่งเดียว และสะท้อนตัวตนของปอร์เช่

การพัฒนา Porsche Centre Bangkok นับเป็นหมุดหมายสำคัญลำดับถัดไป โดยเป็นการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569 โดยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์บริการปอร์เช่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งงานขาย บริการหลังการขาย และพื้นที่สำหรับชุมชนอย่างครบวงจรในแห่งเดียว รวมถึงการเตรียมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ Porsche Centre Kanlapaphruek ในช่วงปลายปี 2569 เพื่อขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงอีกหนึ่งแห่ง

โดยภายในสิ้นปี 2569 ปอร์เช่ ประเทศไทย จะมีเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรวมทั้งสิ้น 6 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Destination Porsche” เพื่อสร้างเครือข่ายที่พร้อมสำหรับอนาคต ที่จะรองรับทั้งการเติบโตและความพึงพอใจของลูกค้า

ทิศทางธุรกิจของปอร์เช่ ประเทศไทย ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มรถยนต์ที่สืบสานเอกลักษณ์เดิมและพร้อมมุ่งสู่อนาคต โดยในปี 2568 ได้เปิดตัวรุ่นใหม่หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น  911 จีทีเอส ที-ไฮบริด (911 GTS T-Hybrid) รุ่นล่าสุด ซึ่งพิสูจน์ความคล่องตัวบนเส้นทางภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ และ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นปี 2026 ที่ยกระดับอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นปีล่าสุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรุ่นหรือระบบขับเคลื่อนแบบใด จิตวิญญาณจากสนามแข่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และหล่อหลอมอยู่ในปอร์เช่ทุกคัน

ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ายังคงเป็นหนึ่งในทิศทางหลักของปอร์เช่ ประเทศไทย โดยรุ่นสำคัญอย่าง ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของปอร์เช่ ยังคงสร้างมาตรฐานใหม่ด้านสมรรถนะไฟฟ้า ขณะที่ มาคันน์ (Macan) เอสยูวีที่ผสานความสปอร์ตและการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง ได้ถ่ายทอดการผสานพลังงานไฟฟ้าและอารมณ์การขับขี่แบบปอร์เช่ สู่อีกหนึ่งกลุ่มตลาดสำคัญของประเทศไทย

ปอร์เช่ยังคงยึดมั่นในแนวคิดว่ารถสปอร์ตแห่งอนาคตจะต้องรองรับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย จึงได้พัฒนาเครื่องยนต์สันดาป ไฮบริด และระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าไปพร้อมกัน ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวคาเยนน์ อิเล็กทริค (Cayenne Electric) ที่มีพละกำลังสูงสุดถึง 1,156 แรงม้า ตอกย้ำบทบาทของปอร์เช่ในการสร้างมาตรฐานใหม่อีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงแค่ด้านสมรรถนะ แต่ยังเปิดมิติใหม่ในด้านความสามารถในการชาร์จ ประสิทธิภาพ และการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากทางเลือกระบบขับเคลื่อน การปรับแต่งเฉพาะบุคคลได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ร่วมกับปอร์เช่ ผ่านโปรแกรม Porsche Exclusive Manufaktur เปิดโอกาสให้เจ้าของรถได้ถ่ายทอดตัวตนผ่านรถของตนเอง เปลี่ยนปอร์เช่แต่ละคันให้เป็นผลงานที่สะท้อนเอกลักษณ์ส่วนบุคคล มากกว่าเพียงรถยนต์หนึ่งคัน

สำหรับปอร์เช่ การสร้างชุมชนไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงหลังพวงมาลัย โดยตลอดปี 2568 ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยมองลูกค้าในฐานะกลุ่มผู้หลงใหลในปอร์เช่ร่วมกัน ปอร์เช่ ประเทศไทย สร้างประสบการณ์ร่วมผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ในด้านประสบการณ์การขับขี่อย่าง การเดินทาง Epic Road Trip จากกรุงเทพฯ สู่สตุ๊ทการ์ท การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2025 (PCCA) ที่บางแสน กิจกรรมขับรถในสนามแข่งต่างๆ กิจกรรมโรดโชว์จากตัวแทนจำหน่าย นิทรรศการต่าง ๆ ที่ เคอร์วิสตาน แบงคอก (Curvistan Bangkok) ซึ่งได้จัดแสดงรถแข่งระดับตำนานอย่างปอร์เช่ 956 (Porsche 956) รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมของ Porsche Club Thailand อย่างต่อเนื่อง อาทิ Drive of the year, Grand Summer Trip และ Track Day ซึ่งทุกกิจกรรมสะท้อนแนวคิดของปอร์เช่ที่เชื่อว่าการเป็นเจ้าของปอร์เช่ยกระดับคุณค่าผ่านการเดินทางและการสร้างความทรงจำร่วมกัน

กิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดคือดาส เทรฟเฟ่น ครั้งที่ 10 (Das Treffen X) งานรวมตัวของคนรักปอร์เช่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งฉลองครบรอบ 10 ปี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ที่กรุงเทพฯ โดยปอร์เช่ ประเทศไทย สนับสนุนงานนี้อย่างต่อเนื่องมากว่าทศวรรษ และในวันนี้ ดาส เทรฟเฟ่น ได้เติบโตจนเป็นหมุดหมายทางวัฒนธรรมของชุมชนปอร์เช่ในภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดูแลและเชื่อมโยงผู้คนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างคุณค่าลึกซึ้งและยั่งยืนยิ่งกว่าตัวเลขทางธุรกิจ 

นอกเหนือจากประสบการณ์ ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังเชื่อว่าสินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นอีกหนึ่งการแสดงตัวตนของแบรนด์ ตั้งแต่การร่วมออกแบบคอลเลคชั่นร่วมกับดีไซเนอร์ต่างๆ ไปจนถึงเสื้อผ้ารุ่นพิเศษ โดยสินค้าปอร์เช่ ไลฟ์สไตล์ (Porsche Lifestyle) ได้ต่อยอดความผูกพันกับผู้หลงใหลให้ไปไกลกว่าแค่รถยนต์ อย่างเสื้อยืดรุ่นพิเศษที่ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัวล่าสุด ที่ได้ร่วมสร้างสรรค์กับ TRK หรือ เติ้ล - ธีระยุทธ พืชเพ็ญ ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไทยชื่อดัง ก็ได้ถ่ายทอดงานออกแบบสุดพิเศษที่ผสานความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัยวัฒนธรรมไทย และจิตวิญญาณของปอร์เช่ ผ่านลวดลายที่โดดเด่น

ทุก ๆ การดำเนินงานตลอดปี 2025 ได้ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของปอร์เช่ ประเทศไทย ที่เชื่อว่าชุมชนที่แข็งแกร่งไม่ได้เกิดจากรถยนต์และกิจกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสร้างคุณค่าให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตร่วมกับปอร์เช่ในทุกวัน ผ่านทั้งในสิ่งที่สัมผัสได้และความรู้สึกในระดับลึกซึ้ง


โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

DAS TREFFEN X ปรากฏการณ์ของชาวปอร์เช่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับมาในวาระครบรอบ 10 ปี งานรวมพลแห่งแพสชั่นและวัฒนธรรมปอร์เช่ที่ทรงพลังที่สุดแห่งปี ปลุกจิตวิญญาณของผู้หลงใหลให้เร้าใจอีกครั้ง

เหล่าสาวกปอร์เช่จากทั่วภูมิภาคและทั่วโลก ร่วมงาน "DAS TREFFEN X - 10th Anniversary Celebrating a Decade of Porsche Culture in SEA" งานรวมพลคนรักปอร์เช่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

'ปอร์เช่-ไอร์ตัน' ซิวแชมป์สนามปิดท้าย โกคาร์ท'ทรูวิชั่นส์-โตโยต้า 2024'

ปิดฉากศึกรถคาร์ทเยาวชน รายการ "ทรูวิชั่นส์-โตโยต้า จูเนียร์คาร์ทแชมป์เปี้ยนชิพ 2024 ด.ช.จิรัฐ สุทธิวัฒนโรจน์ ขับรถหมายเลข 44 คว้าแชมป์กลุ่มอายุ 10-11 ปี และ ด.ช.ธัญญ์ธัชช์ ยุวสกุลไกร ขับรถหมายเลข 99 คว้าแชมป์กลุ่มอายุ 8-9 ปี ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล ทำการแข่งขันที่สนามพีระคาร์ท เซอร์กิต พัทยา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา

Porsche Carrera Cup Asia ปิดฉากประทับใจ 'มั่นคง'เบิ้ลแชมป์โฮมเรซ

ได้เฮต่อเนื่องกับ ศึกซูเปอร์คาร์ระดับเวิลด์คลาส "ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2024" ชิงชัยดุเดือด ด้วยรถแข่งสุดล้ำถึง 27 คัน ภายใต้การคุมพวงมาลัยโดยนักแข่งชั้นนำของโลก โดยผลปรากฏว่า อเลสซานโดร ชิเร็ตติ ยอดนักแข่งฝรั่งเศสจาก ทีม เย็บเซ่น สร้างผลงานระดับมาสเตอร์เหมาชัยชนะไปครองทั้ง 2 เรซ ขณะ "เทอร์โบ" มั่นคง เสถียรถิระกุล นักแข่งหนึ่งเดียวของไทย ไม่ทำให้ผิดหวัง ผงาดคว้าแชมป์โฮมเรซต่อหน้าแฟนชาวไทย ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ปอร์เช่ เผยยอดขายไตรมาสแรกพุ่ง 23%

กรุงเทพมหานคร ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

'คาร์เรร่า คัพ'ยิ่งใหญ่ 'หลิว ไคลู' นักแข่งจีนคว้าแชมป์ส่งท้าย ที่สนามช้างฯ

ศึกซูเปอร์คาร์ระดับโลก “ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023” รูดม่านปิดฉากสนามที่ 8 อย่างดุเดือดที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ สังเวียนความเร็วระดับเวิลด์คลาสของประเทศไทย ด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญตลอดทั้งเรซ ผลปรากฏว่า หลิว ไคลู ยอดนักแข่งจีนจาก โทโร่ เรซซิ่ง สร้างผลงานระดับมาสเตอร์เอาชนะมือชั้นนำจากยุโรปอย่างสุดมัน ท่ามกลางการติดตามของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก