กระซิบรัก ‘น่าน’ ชิม ชม ชิล เมืองประวัติศาสตร์ แหล่งรวมวัฒนธรรมและของเด็ด

ประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่ถือเป็นหัวเมืองของการท่องเที่ยว ในแต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมเยือนได้หลายล้านคน สร้างทั้งเม็ดเงินหมุนเวียน สร้างทั้งอาชีพ และพัฒนาเมืองให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างในภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งทะเล ภูเขา และเขื่อนที่สวยงามอย่างเขื่อนรัชชประภา รวมทั้งยังมีอีเวนต์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างดี ขณะที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ และสามารถสร้างเม็ดเงินในการท่องเที่ยวแต่ละปีได้อย่างดี

แต่ในพื้นที่ภาคเหนือยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีทั้งประวัติศาสตร์ ความสวยงาม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่รอให้ผู้คนเข้าไปเยี่ยมเยือนกันอีกมาก “อาทิตย์เอกเขนก” ฉบับนี้จึงอยากจะมาแนะนำอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจ เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เป็นหนึ่งในเมืองที่ไม่เร่งรีบ ไม่มีตึกสูงตัดเส้นขอบฟ้า แต่มีทั้งเสน่ห์และความน่ารัก พร้อมที่จะรองรับความต้องการนักท่องเที่ยวได้อย่างอบอุ่น “น่าน” อาจไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่กลับใหญ่โตในความรู้สึกทุกครั้งที่ได้มาเยือน

หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ วัดภูมินทร์ วัดเก่าแก่คู่เมืองน่านมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2139 (ตรงกับสมัยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ กษัตริย์แห่งราชวงศ์ภูคา) โดยเดิมเรียกว่า “วัดพรหมมินทร์” แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนจึงเพี้ยนเสียงมาเป็น “วัดภูมินทร์” จุดเด่นที่สุดของวัดนี้คือ “พระอุโบสถจตุรมุข” ซึ่งถือเป็นหนึ่งเดียวในไทย อาคารทรงโบสถ์และวิหารรวมกันหลังเดียว มี 4 ประตู 4 ทิศ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าไปทั้งสี่ทิศ เปรียบดังธรรมะที่แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ แต่หนึ่งในสิ่งที่ทำให้วัดภูมินทร์โด่งดังไปทั่วไทยคือ จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3-5

โดยช่างฝีมือท้องถิ่นชาวไทลื้อที่มีชื่อว่า หนานบัวผัน และคณะ จิตรกรรมชุดนี้ไม่เพียงเป็นภาพประกอบพุทธประวัติ หรือชาดกตามแบบวัดทั่วไป แต่ยังมีภาพวิถีชีวิตของชาวน่านในอดีต เสื้อผ้า การละเล่น และความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้น สิ่งที่หาไม่ได้จากในตำรา ในบรรดาภาพทั้งหมด หนึ่งภาพที่โดดเด่นและเป็นดั่งสัญลักษณ์ของวัดคือ ภาพชายหญิงชาวไทลื้อคู่หนึ่งที่นั่งใกล้ชิดกัน ฝ่ายชายเอียงตัวมากระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูฝ่ายหญิง ซึ่งกำลังยิ้มเขินอย่างอ่อนโยน ภาพนี้ถูกเรียกด้วยความรักว่า “ปู่ม่านย่าม่าน” หมายถึงชายหญิงชาวไทลื้อผู้สูงวัยในสำเนียงเหนือ

แม้ไม่มีคำอธิบายประกอบ แต่เพียงแค่สายตาที่ส่งถึงกัน ก็เพียงพอให้ผู้ชมรับรู้ถึงความรัก ความผูกพัน และความอ่อนโยนแบบล้านนาที่อยู่เหนือถ้อยคำใดๆ โดยภาพนี้มีชื่อเล่นติดหูว่า “ภาพกระซิบรัก” และมีความโด่งดังไปทั่วโลก

จากวัดภูมินทร์ ขับรถออกไปนอกเมืองเพียงไม่กี่กิโลเมตร จะพบกับอีกหนึ่งศูนย์รวมศรัทธาแห่งเมืองน่าน คือ วัดพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง พระธาตุสีทองอร่ามตั้งตระหง่านบนเนินเขา โดยสร้างขึ้นในสมัย พญาการเมือง ราวปี พ.ศ.1891 (กว่า 600 ปีมาแล้ว) เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัยโดยพญาการเมือง ซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองน่านในขณะนั้น และชื่อ “แช่แห้ง” มีความหมายสืบเนื่องจากตำนานที่เล่าว่า พระธาตุนี้สามารถรักษาพระบรมสารีริกธาตุให้คงสภาพแห้ง แม้จะอยู่ในสภาพอากาศชื้นหรือน้ำท่วม

แถมยังเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ที่เชื่อว่าใครเกิดปีเถาะหรือปีกระต่าย สักครั้งหนึ่งในชีวิตควรที่จะมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต นอกจากนี้พระธาตุยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนมานับร้อยปี องค์พระธาตุเป็นศิลปะล้านนาแท้ และในยามเช้าแสงแดดอ่อนจะสะท้อนแผ่นทองจนเปล่งประกายงดงามจับใจ บันไดนาคทอดยาวขึ้นสู่ลานพระธาตุเสมือนการเดินทางทางจิตใจจากพื้นดินสู่ฟ้า

ใช่ว่าน่านจะมีแค่วัดและประวัติศาสตร์ ยังมีเรื่องเล่าใหม่ที่หอมหวานไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่องของ “โกโก้น่าน” จังหวัดนี้กำลังกลายเป็นแหล่งผลิตโกโก้คุณภาพของไทย โครงการอย่าง “Cocoa Valley” ที่อำเภอปัว ได้พลิกพื้นที่เขาสูงให้กลายเป็นแหล่งปลูกโกโก้ที่ยั่งยืน นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมสวน ลิ้มรสโกโก้เข้มข้นที่ทำสดใหม่จากฝัก ร่วม workshop แปรรูปเมล็ดโกโก้เป็นช็อกโกแลตบาร์ และสัมผัสกระบวนการผลิตที่จริงใจจากคนท้องถิ่น ซึ่งสนับสนุนให้น่านกำลังกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม การมี “โกโก้” และ “คาเฟ่เชิงประสบการณ์” ทำให้เพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้และสัมผัสธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม

การมาน่านไม่ได้แค่เดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นการเดินผ่านความรู้สึกของผู้คน ผ่านเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจ ผ่านความศรัทธาที่ทอดยาวเหนือกาลเวลา และถือว่าเป็นเมืองที่รวบรวมทั้งศิลปะ วัฒนธรรม และองค์ความรู้ไว้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หงเปา(Hong Bao)’ขยับสเต็ปพลิกเกมสู่โอกาส! วัดใจเศรษฐกิจ:ปรับกลยุทธ์สู้ปัจจัยเสี่ยงไต่ระดับดาวเด่นภัตตาคารอาหารจีน

ในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องเร่งปรับตัว เช่นเดียวกับ ‘ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหารจีน’ เพื่อให้สามารถแข่งขันและรักษาฐานลูกค้าได้

แสตมป์‘ความทรงจำของชาติ’ เทิดพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ตราไปรษณียากรที่ออกในราชอาณาจักรไทยมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่แรกเริ่ม จากแสตมป์ชุดแรกของสยามคือ “ชุดโสฬส” ที่เชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

‘ชุมพร’เมืองประตูสู่ภาคใต้ เสน่ห์แห่งทะเลและไลฟ์สไตล์ชุมชนจุดยุทธศาสตร์พลังงานภูมิภาค

“ชุมพร” ชื่อนี้อาจเป็นภาพจำของประตูสู่ภาคใต้ สำหรับนักเดินทาง แต่หากได้ลองแวะพักและสัมผัสอย่างลึกซึ้ง จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทยแห่งนี้จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ

พักกายพักใจไปสัมผัส‘มัลดีฟส์’ เสน่ห์ของธรรมชาติสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย

หลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ถึงเวลาพักกาย พักใจ แล้วออกเดินทางไป “ชาร์จแบตชีวิต” กันที่ มัลดีฟส์ (Maldives) ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องไปเยือน

อพท. ดัน พื้นที่พิเศษ “น่านและสงขลา” ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมผลักดัน “น่าน สงขลา” เมืองในพื้นที่พิเศษของ อพท. ให้ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมือง

เปิดสูตรลับ‘ล้งเล้งลูกชิ้นปลา’สตรีทฟู้ดระดับตำนาน ภารกิจเจนฯ2เมื่อต้องเผชิญความท้าทาย-เปลี่ยนแปลง

ท่ามกลางความท้าทายของยุคสมัยในย่านสตรีทฟู้ดชื่อดังอย่างบรรทัดทอง ‘ล้งเล้ง’ ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาตำนานกว่า 41 ปี พิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนหยัดและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง