“เจฟ ลี” นำทัพ Acer สร้างแบรนด์เทคโนโลยีให้มีหัวใจ

จากอดีตวิศวกรเครือข่ายในนิวยอร์ก ผู้คว้าใบรับรอง Microsoft Certified System Engineer และ Database Administrator ตั้งแต่ยุค Windows 2000 ความสามารถนี้ทำให้ “เจฟ ลี” กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่งในบรรดาคนไอทีที่เก่งเรื่องเทคนิค ทว่าเส้นทางหลังจากนั้นกลับพาเขาสู่โลกของการตลาด กลยุทธ์ธุรกิจ และความเข้าใจแบรนด์ในระดับลึก ซึ่งได้หล่อหลอมให้วิศวกรคนหนึ่งก้าวขึ้นมาสู่บทบาท “กรรมการผู้จัดการ” ของ Acer ประเทศไทย ในวันนี้

เจฟ ลี เริ่มต้นอาชีพในยุคที่ระบบเครือข่ายกำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมไอที การทำงานกับทีมวิศวกรในนิวยอร์กทำให้เขาได้ฝึกฝนทั้งทักษะทางเทคนิคและการประสานงานในระดับมืออาชีพ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาแตกต่างและทำงานอย่างมีความหมายคือประสบการณ์ในงานผลิตไมโครฮาร์ดดิสก์ขนาด 1.85 นิ้ว เพื่อใช้ในแกดเจ็ตที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก

“ผมทำยอดขายได้เกินกว่า 120% ของเป้าหมายในแต่ละเดือน และภูมิใจมากที่มีส่วนช่วยขยายตลาดได้จริง” เจฟ ลี ย้อนเล่า พร้อมทัศนคติที่ชัดเจนว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้มาจากโชค แต่เกิดจากการเรียนรู้ว่า ‘เทคโนโลยีที่ดีต้องขายได้ และการขายที่ดีต้องมีจุดต่าง’

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2546 เมื่อเขาเข้าร่วมงานกับ Acer โดยเริ่มจากตำแหน่ง Project Manager ทำหน้าที่บริหารโครงการในประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นจุดที่เขาได้เรียนรู้การบริหารทรัพยากรภายใต้ข้อจำกัดจริงของแต่ละพื้นที่ ก่อนจะถูกผลักดันสู่ตำแหน่ง Brand Manager ที่ต้องดูแลภาพรวมของแบรนด์ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะตลาดที่หลากหลายและแข่งขันสูงอย่างไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย

ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจทั้งเชิงเทคนิคและการตลาด ทำให้ในปี 2560 เจฟ ลี ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลหน่วยธุรกิจเดสก์ท็อประดับโลก (WW Desktop BU) ท่ามกลางช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพีซี ที่โน้ตบุ๊กกำลังมาแรง ส่วนตลาดเดสก์ท็อปกำลังถูกตั้งคำถามเรื่องของความไม่จำเป็น

“การสร้างบริษัทให้เติบโตในวันที่ตลาดกำลังหดตัวคืองานที่ท้าทายที่สุด” เจฟ ลี กล่าวเรียบๆ แต่สิ่งที่เขาเลือกทำคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพจริง พร้อมประสานงานกับทีมขายในแต่ละภูมิภาคอย่างใกล้ชิด และด้วยแนวทางนี้ได้ทำให้ Acer สามารถรักษาอันดับ 4 ของโลกในตลาดเดสก์ท็อปไว้ได้ ภายใต้การนำของตัวเอง

โดยล่าสุด แคมเปญ #BreakALimit ที่เขาผลักดันในปี 2025 ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพื่อทำการตลาดชั่วครั้งคราว แต่เขาเชื่อว่ามันเป็นภาพสะท้อนตัวตนของ Acer โดยตรง เจฟ ลี กล่าวว่า หลายคนมักมีกำแพงบางอย่างที่ขวางอยู่ ไม่ว่าจะเป็นขีดจำกัดของโอกาส ทรัพยากร หรือความเชื่อมั่นในตัวเอง และหน้าที่ของเทคโนโลยีก็คือการช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามกำแพงเหล่านั้นไปได้

“เราไม่ได้แค่ขายโน้ตบุ๊กหรือเดสก์ท็อป แต่เรากำลังขายโอกาสใหม่ให้กับผู้คน” คำกล่าวที่เคยบอกกับทีมของ Acer ได้กลายเป็นแกนความคิดหลักของแคมเปญที่พยายามรวมทุกไลน์โปรดักต์ของ Acer เข้ากับชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การทำงาน การเรียนรู้ ความบันเทิง การทำคอนเทนต์ ไปจนถึงการสร้างอาชีพใหม่ๆ

นอกจากนี้ เจฟ ลี ยังมองว่าอุปกรณ์ไอทีสมัยใหม่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่ต้องเป็นสิ่งที่สร้าง ‘ความสุขและแรงบันดาลใจ’ ให้กับผู้คนได้ นั่นคือเหตุผลที่ Acer ตัดสินใจจับมือกับ Butterbear ขวัญใจสายคิวต์ และสร้างโน้ตบุ๊กรุ่นพิเศษเอาใจคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นอีกตัวอย่างของการทำแบรนด์ให้ ‘เข้าถึงอารมณ์ผู้ใช้’ โดยไม่ใช่แค่เลือกจับมือกับคนดัง แต่มีฐานแฟนคลับที่เติบโตจากความรู้สึกผูกพัน

“ตอนเราเห็น Butterbear ครั้งแรก ทีม Acer ไม่ได้ดูแค่ยอดฟอลโลว์ในโซเชียล แต่เราดูว่าคาแรกเตอร์นี้สร้างพลังอะไรในใจคนได้บ้าง” เขาเล่า พร้อมเสริมว่า การทำโน้ตบุ๊กรุ่นลิมิเต็ดนี้ ไม่ใช่แค่การปรับสีปรับแพ็กเกจเท่านั้น แต่ Acer ได้ร่วมกับทีม Butterbear และได้ตั้งใจดึงเอาทุก ‘ความเป็นน้องเนย’ มาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้รู้สึกว่า “นี่คือแล็ปท็อปของเขาจริงๆ”

การร่วมมือครั้งนี้จึงไม่ได้มีแค่ความ ‘น่ารัก’ แต่ยังสะท้อนวิธีคิดของแบรนด์ที่พยายามจับความรู้สึกของผู้ใช้ได้แม่นยำ และมีแนวคิดสร้างความเป็นมิตรกับตลาดผู้หญิงและวัยรุ่น ซึ่งคือกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ไอทีมักมองข้าม แต่เจฟ ลี กลับมองว่ากลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อรูปแบบการใช้งานและการเลือกแบรนด์มากที่สุดในยุคหลังโควิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองหาแค่ฟังก์ชัน แต่ต้องการประสบการณ์ที่พูดกับเขาในภาษาที่เข้าใจง่าย

ความสำเร็จและการเติบโตทั้งหมดนี้ของ Acer ถูกหลอมรวมมาจากแนวคิดการใช้ชีวิตของผู้บริหารคนหนึ่งที่ย้ำเสมอว่า “Work hard, play hard, and work/life balance” เจฟ ลี บอกว่าสำหรับเขา ความสมดุลในการใช้ชีวิตไม่ใช่สโลแกน แต่มันคือวิธีที่เขาใช้รักษาพลังในการบริหารธุรกิจหลายระดับ เขาบอกว่าเวลารับมือกับความท้าทายใหญ่ๆ เขาจะโฟกัสเต็มที่จนกว่าจะเสร็จสิ้น แต่หลังจากนั้นสิ่งที่เขาทำคือให้รางวัลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นมื้ออาหารดีๆ ทริปท่องเที่ยว หรือเพียงแค่เวลาเงียบๆ กับครอบครัว

“คนเราจะทำงานให้ดีได้ก็ต่อเมื่อมีพลังจากข้างใน และพลังนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขาได้พักอย่างแท้จริง” เจฟ ลี ระบุ ซึ่งในยุคที่ผู้นำจำนวนมากกำลังเผชิญ Burnout แนวคิดนี้อาจฟังดูเรียบง่าย แต่คือสูตรสำเร็จที่ทำให้เขายังสามารถบริหาร Acer ให้เติบโต และยังเป็น ‘คนทำงาน’ ที่ไม่ลืมว่าการมีความสุขสำคัญไม่แพ้ความสำเร็จ.