
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจเข้มข้นและเทรนด์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจสีเขียว หรือธุรกิจที่ยั่งยืน รวมถึง Health & Wellness การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ให้เข้าถึงองค์ความรู้ เครื่องมือ และแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม ถือเป็นภารกิจสำคัญของภาครัฐ “อาทิตย์เอกเขนก” ฉบับนี้จึงอยากพามารู้จักกับโครงการ Business Development Service (BDS) ภายใต้การดำเนินงานของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่กลายมาเป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ช่วยผลักดัน SME ไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจโดยรวม
ภายใต้การนำของ ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการ สสว. ได้วางเป้าหมายการดำเนินงานและทิศทางของโครงการ BDS ในปีงบประมาณ 2569 ให้เพิ่มบริการ และทำให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงบริการ BDS ได้มากขึ้น โดย สสว.ได้รับงบประมาณกว่า 315 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายสนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 3,000 ราย และขยายบริการมากกว่า 1,000 รายการ ซึ่งถือว่ามากกว่าปีก่อนๆ อย่างชัดเจน

ผลสำเร็จที่พิสูจน์ได้จริง
ปณิตา กล่าวว่า โครงการ BDS เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2565 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มบริการและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงและสะดวกยิ่งขึ้น โดย สสว.จะให้การสนับสนุนค่าบริการที่ SME เลือกใช้บนระบบ BDS แบบร่วมจ่าย หรือ co-payment ในสัดส่วน 50-80% ตามขนาดของธุรกิจ สูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนสมัครบนระบบจำนวน 22,184 ราย และมีผู้ให้บริการทางธุรกิจที่ขึ้นทะเบียนให้บริการ มากกว่า 250 หน่วยงาน มีผู้ประกอบการได้ใช้บริการไปแล้วประมาณ 2,000 ราย สร้างมูลค่ารวมทางเศรษฐกิจ จำนวนกว่า 6,000 ล้านบาท และมีบริการบนระบบ BDS จำนวนมากกว่า 1,000 บริการ
สำหรับ หน่วยงานผู้ให้บริการทางธุรกิจ หรือ Business Development Service (BDSP) จะเป็นส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชน และให้บริการในหมวดต่างๆ 5 หมวด คือ หมวดที่ 1 การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ, หมวดที่ 2 การพัฒนาและบริหารจัดการธุรกิจ, หมวดที่ 3 การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ เช่น การออกฉลากโภชนาการ การตรวจสอบอายุสินค้า การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ เช่น ซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้า, หมวดที่ 4 การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด และหมวดที่ 5 การพัฒนาตลาดต่างประเทศ

กลุ่มเป้าหมายและบริการเน้นพิเศษ
ปีนี้ BDS มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health & Wellness) และธุรกิจสีเขียว (Green Business) เพื่อตอบโจทย์เทรนด์โลกด้าน Green Economy ตัวอย่างบริการที่รองรับได้แก่ การฝึกอบรมและเตรียมความพร้อม สู่การเป็น Green Business, Green Loan เงินกู้ที่ช่วยสนับสนุนการปรับเปลี่ยนธุรกิจ, การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ผ่าน Central Lab เพื่อยืนยันความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้คูปองสนับสนุนสูงสุดถึง 80% ซึ่งแนวทางนี้ยังสอดรับกับมาตรการสากล เช่น CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) หรือกำแพงภาษีสิ่งแวดล้อม ที่กำลังจะมีผลในอนาคต ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

และอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือ การเปิดกว้างให้ภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาเป็น Service Provider (ผู้ให้บริการ) โดยต้องเป็นเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือเฉพาะทาง รวมถึงสมาคมและองค์กรเอกชนต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญก็สามารถเข้าร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมหอการค้าไทย หรือองค์กรธุรกิจเฉพาะทาง อาทิ สมาคมบัญชี สมาคมนักธุรกิจไทย-จีน หรือหอการค้าไทย-ดูไบ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้บริการได้หลากหลายขึ้นและลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ โดยจะมีการประกาศเงื่อนไขอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
ได้รับรางวัลการันตี
ปณิตา เล่าว่า โครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” สามารถคว้ารางวัลเลิศรัฐในปี 2568 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้แก่หน่วยงานของรัฐที่มีผลการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นที่พึงพอใจ รวมทั้งโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ได้รับ “รางวัลเลิศรัฐ ประเภท ‘บริการตอบโจทย์ตรงใจ’ ระดับดี” ซึ่งแนวคิดของ BDS ตรงกับชื่อรางวัลประเภทบริการตอบโจทย์ตรงใจ เนื่องจากในการเข้าร่วมโครงการของรัฐแบบเดิม ผู้ประกอบการจะต้องสมัครและผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการก่อน รวมถึงอาจจะต้องมีเงื่อนไขอื่นๆ ในการเข้าร่วมกิจกรรม แต่ BDS สามารถทลายข้อจำกัดในจุดนี้ ที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกบริการที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง โดยผ่านแพลตฟอร์ม BDS โดยตรง

โครงการ BDS ของ สสว. ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุน SME ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตธุรกิจไทย ที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มโลกด้าน Green Economy และ Digital Transformation ด้วยความครบวงจร ทั้งด้านบริการ การเงิน เทคโนโลยี และการตลาด
จึงถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SME สามารถยืนหยัด แข่งขัน และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘หงเปา(Hong Bao)’ขยับสเต็ปพลิกเกมสู่โอกาส! วัดใจเศรษฐกิจ:ปรับกลยุทธ์สู้ปัจจัยเสี่ยงไต่ระดับดาวเด่นภัตตาคารอาหารจีน
ในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องเร่งปรับตัว เช่นเดียวกับ ‘ธุรกิจภัตตาคาร-ร้านอาหารจีน’ เพื่อให้สามารถแข่งขันและรักษาฐานลูกค้าได้
แสตมป์‘ความทรงจำของชาติ’ เทิดพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ตราไปรษณียากรที่ออกในราชอาณาจักรไทยมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่แรกเริ่ม จากแสตมป์ชุดแรกของสยามคือ “ชุดโสฬส” ที่เชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
‘ชุมพร’เมืองประตูสู่ภาคใต้ เสน่ห์แห่งทะเลและไลฟ์สไตล์ชุมชนจุดยุทธศาสตร์พลังงานภูมิภาค
“ชุมพร” ชื่อนี้อาจเป็นภาพจำของประตูสู่ภาคใต้ สำหรับนักเดินทาง แต่หากได้ลองแวะพักและสัมผัสอย่างลึกซึ้ง จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทยแห่งนี้จะเผยให้เห็นเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ
พักกายพักใจไปสัมผัส‘มัลดีฟส์’ เสน่ห์ของธรรมชาติสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย
หลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ถึงเวลาพักกาย พักใจ แล้วออกเดินทางไป “ชาร์จแบตชีวิต” กันที่ มัลดีฟส์ (Maldives) ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องไปเยือน
เปิดสูตรลับ‘ล้งเล้งลูกชิ้นปลา’สตรีทฟู้ดระดับตำนาน ภารกิจเจนฯ2เมื่อต้องเผชิญความท้าทาย-เปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางความท้าทายของยุคสมัยในย่านสตรีทฟู้ดชื่อดังอย่างบรรทัดทอง ‘ล้งเล้ง’ ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาตำนานกว่า 41 ปี พิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนหยัดและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำนักงานสลากฯยืนหนึ่งบทบาท‘องค์กรแห่งการให้’ จากน้ำใจสู่การพัฒนา:ปลุกพลังชุมชนสานต่อโครงการสร้างสรรค์สู่สังคมยั่งยืน
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นองค์กรของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการจัดหารายได้เข้าสู่แผ่นดิน ผ่านการบริหารจัดการสลากอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงาน


