บันทึกหน้า 4

ต้องเรียกว่า “ร้อนฉ่า” เสียจริงๆ สำหรับการบ้านการเมืองช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น พรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง “พลังประชารัฐ” ภายใต้บังเหียนของ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะดูเหมือนตั้งแต่น้องตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจปลดออก “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปแล้ว แทนที่เรื่องจะบรรเทาเบาบางลง ที่ไหนได้ ขยับจากการเขย่ารัฐบาลและคณะรัฐมนตรีหันไปกระเพื่อมภายในพรรคเอง จน ล่าสุดถึงขั้น “สามมิตร” ต้องลุกขึ้นมาขับเคลื่อน หวังปรับโครงสร้างพรรคเพื่อเขี่ย “บิ๊กนัส” ให้พ้นทาง เพราะไม่เช่นนั้นอาจถึงคราวพรรคแตกฉานซ่านเซ็นเหมือนในอดีตก็เป็นได้ ...๐

งานนี้ไม่รู้ว่า “พี่ป้อม” จัดตัดสินใจทางไหน เพราะ “น้องธรรมนัส” ก็เป็นเด็กในโอวาทที่ฟังคำสั่งเสมอ แบบถ้าให้ไปซ้าย ก็ไม่มีทางไปขวาแน่ๆ ที่สำคัญยังเป็นเจ้าของไร่กล้วยเสียด้วย ในขณะที่ “น้องตู่” ก็เป็นน้องรักที่ฟูมฟักมากับมือในการปั้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” งานนี้ “พี่ป้อม” ต้องบอกว่าหยิกเล็บเจ็บเนื้อกันทีเดียว แล้วที่สำคัญจะเลือก “จับปลาสองมือ” บรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในพรรคก็ไม่ยอมเสียด้วย เพราะกลัวปัญหาคลื่นใต้น้ำที่ไม่รู้ว่าจะโผล่มาอีกเมื่อใด อยากให้ตัดไฟแต่ต้นลมเสียมากกว่า ...๐

ส่วนอีกฟากฝั่งหนึ่งอย่างพรรคเพื่อไทยเอง ก็ถึง คราวต้องเปลี่ยนหัวโขนหัวหน้าพรรคเสียแล้ว เพราะ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” นั้นไม่เข้าตานายใหญ่อย่าง “โทนี่ วูดซัม” เท่าใดนัก แม้จะเป็นคนเชียงใหม่เหมือนกันก็ตามที แต่บทบาทของหัวหน้าและผู้นำฝ่ายค้านในสภานั้นต้องบอกว่าชาวบ้านร้านถิ่นยังจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำไป ...๐

งานนี้เลยมีการเคาะชื่อ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่านขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวก็พร้อมจะเป็นหัวหน้าและทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาอยู่แล้ว เพราะ ต่างก็รู้ดีว่า “หัวโขน” ในตำแหน่งนี้อย่างไรก็ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่วันยังค่ำ แม้อาจมีการส่งชื่อตามโควตาที่กำหนดในรัฐธรรมนูญก็ตามที ก็เรียกว่าส่งไปให้ครบๆ 3 ชื่อ โดยอยู่อันดับสุดท้ายนั่นแล แล้วอย่างนี้บรรดาลิ่วล้อและลูกหาบทั้งหลายยังจะปฏิเสธเรื่องการครอบงำพรรคกันอยู่อีกเหรอ เพราะหากไม่ถูก “สัมภเวสีแม้ว” ครอบงำจริง ตามธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคการเมืองที่จะหวังเป็น “สถาบัน” ก็ต้องส่งชื่อหัวหน้าพรรคเป็นเบอร์หนึ่งในการชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนะจ๊ะ ไม่ใช่ให้ “คนนอก” เหาะมาคว้าพุงปลาไปกิน ...๐

ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเช่นกัน ดูอย่าง “กลุ่มแคร์” ตอนเปิดตัวใหญ่โตก็บอกว่าไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยและนายใหญ่แล้ว แต่สุดท้ายก็มาอีหรอบเดิมนั่นแล เพราะ เปิดตัวไปแล้วเปรี้ยงปร้างแค่ไม่กี่เดือนก็กลายเป็นกลุ่มโลกลืม งานนี้ “แคร์” เลยต้องกลับมาซุกอกเพื่อไทย เหมือนเดิม โดยเฉพาะ “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นั้น ก็จะเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการพรรคเลย แหม! ก็เรียกได้ว่าปัดฝุ่น “ไทยรักไทย” เสียก็หมดเรื่อง แต่งานนี้คงไม่มี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานพรรคไทยสร้างไทยนะตัวเอง เพราะเจ้าตัวบอกว่าเป็นคนเจ็บแล้วจำจ้า ...๐

ดูไปดูมาแม้ “เพื่อไทย” จะมีการอาบน้ำแต่งตัวอย่างไร สุดท้ายก็ยังเป็นของตระกูลชินวัตรอยู่วันยังค่ำ ดูได้จากสีและทีมโลโก้ใหม่ ซึ่งนายเหนือเป็นผู้คิดและเขียนส่งมาให้รู้แล้ว ฉะนั้น เรื่องจะเชิดฉิ่งใครให้ไปอยู่ตรงไหนจึงไม่มีแรงกระเพื่อมแต่อย่างใด ต่างจากพรรคพลังประชารัฐที่ประกอบไปด้วยกลุ่มก๊วนทางการเมืองจำนวนมาก ในขณะที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ภายใต้การคุมทัพของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ แม้จะมีราศีจับในเรื่องผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรม แต่การเลือกเฉพาะคนของตัวเองและคนใกล้ชิดแบบไม่เอาพวกใคร ก็อาจทำให้อาการเลือดไหลออกของ ปชป.กลับมาอีกครั้งก็เป็นได้ แม้ “นายหัวชวน” จะลงทุนลงแรงมาหย่าศึก ดังกล่าว แต่ก็เชื่อว่าไม่สะเด็ดน้ำแน่นอน ...๐

หันมาเรื่องเปิดประเทศกันบ้าง แม้ตัวเลขผู้ติดโควิดไทยจะอยู่ระดับต่ำกว่าหมื่นมา 9 วัน และเสียชีวิตต่ำ 100 มากว่า 12 วันแล้วก็ตามที แต่ก็ถือเป็นตัวเลขที่มากโขอยู่ในห้วงปัจจุบันเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน และอาจเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้ในอนาคต ที่สำคัญ การเปิดประเทศ 1 พ.ย.นั้น ก็ดูเหมือนจะลักลั่นกับความเป็นจริงอย่างมาก เพราะดันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งานนี้จึงอาจได้เห็นว่าวันที่ 1 พ.ย. ฝรั่งมังค่าอาจเข้ามาไม่มากนัก หากไม่ใช่หน้าม้า แต่วันที่ 1 ธ.ค. หากยังยึดตามกำหนดเดิม ตัวเลขต่างชาติอาจพุ่งขึ้นเท่าตัวก็เป็นได้ ...๐

พูดถึงเปิดประเทศไม่พูดถึงเรื่องเยียวยาก็ไม่ได้ โดยเฉพาะกรณี 5,000 บาทใน 9 กิจการนั้น ดูเหมือนการทบทวนสิทธิไม่ชัดแจ้งเสียเท่าใดนัก เพราะขนาด นสพ.เล็กๆ อย่างไทยโพสต์ยังไม่ได้รับการเหลียวแลเลย ในขณะที่เพื่อนน้ำหมึกระดับบิ๊กได้ไปกันหมดแล้ว งานนี้เลยต้องฝาก “สุชาติ ชมกลิ่น” ว่าที่เลขาธิการพรรค พปชร.เข้ามาตรวจสอบหน่อยว่าปัญหามันเกิดขึ้นที่ไหน อย่างไรกันแน่ ...๐

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0

บันทึกหน้า 4

ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้

บันทึกหน้า 4

ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล

บันทึกหน้า 4

ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

บันทึกหน้า 4

บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น