กระท้อนยิ่งทุบยิ่งหวาน

พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีมาเกินกว่าครึ่งหนึ่งของ 4 ปี ตามรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางความไม่พอใจของฝ่ายแค้นที่มีความมุ่งหวังที่จะเป็นรัฐบาล

เพราะมีภาระที่สำคัญที่จะต้องมีอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึงจะทำได้ แต่แล้วยุทธศาสตร์การแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ย่อยเพื่อจะให้ได้จำนวน ส.ส.พึงมีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

กลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้แกนนำของพรรคไม่สามารถเข้าสภาได้แม้แต่คนเดียว ต้องทำงานการเมืองอยู่นอกสภา

ไม่ว่าสมาชิกพรรคในสภาหรือนอกสภา จะทำงานการเมืองด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือ จะต้องล้มพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ได้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนขั้วอำนาจ แต่ความพยายามที่ผ่านมาไม่เป็นผล กลายเป็นการทำงานการเมืองที่ไม่มีคุณภาพ เหมือนคนเมาหมัด หรือเหมือนคนที่มีความแค้นครอบงำจนคิดถึงยุทธศาสตร์การทำงานการเมืองที่มีคุณภาพเอาชนะใจประชาชนไม่ได้ ยิ่งทำก็ยิ่งแย่ ความพยายามสร้างเรื่อง สร้างวาทกรรมมาด่าทอต่อว่า ด้อยค่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ผล เพราะไม่มีความจริงเชิงประจักษ์สนับสนุนให้น่าเชื่อถือ

ทุกครั้งที่มีการเปิดสภาพ ก็จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แบบลงคะแนนบ้าง ไม่ลงคะแนนบ้าง ทุกครั้งที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พวกเขาก็จะพูดเสียงดังฟังชัดว่าเขามีข้อมูลเด็ดที่จะล้มนายกรัฐมนตรีได้ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับประชาชนที่ติดตามข่าวสารทางการเมืองมาโดยตลอด สิ่งที่พวกเขานำเอามาพูดก็มักจะเป็นข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชน และปรากฏในสื่อออนไลน์ ไม่มีอะไรเพิ่มเติมให้ตื่นเต้น ที่สำคัญก็คือเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง พวกเขาไม่สามารถหาความจริงเชิงประจักษ์ในการเล่นงานรัฐบาล มิหนำซ้ำนายกรัฐมนตรีสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจนและแหลมคมมากกว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายที่พยายามจะล้มนายกฯ ให้ได้ สิ่งที่ประชาชนได้ยินคือวาทกรรมด่านายกรัฐมนตรีว่าเป็นคนเลวบ้าง เป็นคนโง่บ้าง เป็นต้นตอของปัญหาบ้านเมืองบ้าง ไม่ว่าจะมีการกล่าวหานายกรัฐมนตรีเรื่องอะไร พวกเขาก็จะจบด้วยประโยคสุดท้ายว่านายกรัฐมนตรีจะต้องลาออก ปานประหนึ่งว่า ถ้าหากพลเอกประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ปัญหาต่างๆ ของประเทศจะมลายหายไปอย่างหมดสิ้น

วาทกรรมที่เป็นข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรีนั้น หลายอย่างเป็นเรื่องที่สวนกับความเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่น เรื่องการโกง การทุจริต การคอร์รัปชัน มีแต่ข้อกล่าวหา แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมาเอาผิดนายกรัฐมนตรีได้ เรื่องการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็กล่าวหาว่ารัฐบาลล้มเหลว ทั้งที่ต่างประเทศชื่นชมการแก้ปัญหาเรื่องโควิด-19 ของประเทศไทย และเชิญชวนให้ประเทศอื่นๆ เอาแนวทางการทำงานของประเทศไทยเป็นแบบอย่าง เรื่องการแก้ปัญหาของแพง ก็กล่าวหาเหมือนประหนึ่งว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนทำให้ของแพง โดยไม่สนใจว่ามีปัจจัยในบริบทที่เราไม่อาจควบคุมได้ที่ทำให้ของแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมัน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็พูดจากล่าวหาเหมือนประหนึ่งว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย เป็นคนโง่ ทั้งๆ ที่แนวทางการฟื้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีที่เอาเรื่องการท่องเที่ยวนำหน้านั้น กำลังได้ผลลัพธ์เป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ไม่ให้ความสำคัญกับผลงานดังกล่าวนี้

ขณะนี้นายใหญ่ออกมาแสดงบทบาทว่าตนเองเป็นคนเก่ง สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ มองว่านายกรัฐมนตรีเป็นทหาร เป็นคนแคบ ไม่อาจจะแก้ปัญหาของประเทศได้ พฤติกรรมของนายใหญ่ทำตัวเป็นเจ้าของคอกที่เป็นผู้นำการตำหนินายกรัฐมนตรี ตำหนิการทำงานของรัฐบาล แล้วสมาชิกในคอกก็จะออกมาพูดจาเป็นเสียงสะท้อนของนายใหญ่ ตอนนี้พยายามที่จะดึงสาวกที่เคยชื่นชมให้กลับมาภักดีกับพรรคของตน ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้สาวกในอดีตที่หูตาสว่างเปลี่ยนใจกันมาก ทำให้เราได้พบกับปรากฏการณ์เลือดไหลออก ทั้งคนที่เคยเป็นสมาชิกพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. และประชาชนที่เคยเป็นหัวคะแนน บัดนี้พวกเขารู้ทันแล้วว่าที่ผ่านมานั้นพวกเขาถูกหลอกอย่างไร และพวกเขาจะไม่ถูกหลอกอีกต่อไป แม้แต่แกนนำของพรรคนี้และเป็นคนสำคัญของพรรค ก็ยังไม่อาจจะอยู่ต่อได้ ต้องออกไปตั้งพรรคใหม่ ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้นายใหญ่และสมาชิกในคอกจะต้องออกมาทำกิจกรรมต่างๆ กันมากขึ้น ถี่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีของไทยเวลานี้เป็นกระท้อน ยิ่งทุบยิ่งหวาน เมื่อฝ่ายที่จ้องล้มกล่าวหานายกรัฐมนตรีเรื่องอันใด ท่านก็สามารถชี้แจงได้ชัดเจน แก้ข้อกล่าวหาได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล นอกจากตัวท่านเองจะชี้แจงได้แล้ว คนที่ชื่นชมนายกรัฐมนตรีเห็นผลงานเชิงประจักษ์ในการแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ และการพัฒนาสร้างความเจริญทางด้านต่างๆ มากมาย ต่างก็พากันยกย่องสรรเสริญ ไม่ใช่การยกยอปอปั้นแบบคนสอพลอ แต่เป็นคนที่ช่วยกันนำเอาผลงานเชิงประจักษ์ของนายกรัฐมนตรีออกมาเผยแพร่ให้สาธารณชนรับรู้ ความพึงพอใจที่ประชาชนมีต่อนายกรัฐมนตรีในเวลานี้ ส่วนหนึ่งมาจากการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากการนำเสนอของนายกรัฐมนตรีและคณะทำงานของท่าน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ สื่อมวลชนทั้ง offline และ online รวมทั้งปัจเจกผู้ที่ชื่นชมผลงานของนายกรัฐมนตรีที่ช่วยกันนำเสนอผลงานของนายกรัฐมนตรีใน online page ของตนเอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือฝ่ายที่ต้องการล้มหรือไล่นายกรัฐมนตรีไม่มีแนวร่วมที่มากพอ นอกจากพวกเขาจะไม่เป็นแนวร่วมกับฝ่ายที่ต้องการล้มนายกรัฐมนตรีแล้ว พวกเขายังมองว่านักการเมืองฝั่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลทำงานไม่มีคุณภาพ พวกเขาไมได้ทำงานเพื่อประชาชน แต่ทำงานเพื่อสนองความต้องการของนายใหญ่และอำนาจทางการเมืองของพวกเขามากกว่า ในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลพยายามจะล้มนายกรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจ นายกรัฐมนตรีกลับตั้งหน้าตั้งตาทำงาน มีผลงานมากมาย กลายเป็นกระท้อนที่ยิ่งทุบยิ่งหวาน ฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลจะเหนื่อยเปล่านะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริงเทียมทำร้ายสังคม

การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)

น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'

ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้

เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'

ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569

ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว

เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน

ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์

แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'

หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์