ร้อนแรงกว่าที่คิด...ประเด็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี หยั่งเชิงปักกิ่งด้วยการบอกว่าจะเยือนไต้หวัน
พอจีนขู่ว่าถ้าเพโลซีมาไต้หวันจริงก็จะได้เจอดีกัน
เพราะกองทัพจีนได้รับไฟเขียวให้ “สอย” เครื่องบินของเธอหรือเครื่องบินทหารอากาศของสหรัฐฯ ที่อาจจะบินมาคุ้มครองเธอเหนือน่านฟ้าไต้หวัน
จีนยืนยันว่า น่านฟ้าเหนือไต้หวันก็คือน่านฟ้าจีน เพราะรัฐบาลจีนและสหรัฐฯต่างก็ยืนยันว่าเคารพใน “นโยบายจีนเดียว”
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพโลซีเริ่มออกเดินทางเยือนเอเชีย 4 ประเทศ คือสิงคโปร์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้โดยไม่เอ่ยถึงไต้หวัน
แปลว่า เธอถอย...หรือกำลังสับขาหลอก?
ล่าสุด ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ (เช้าวันอังคาร) มีข่าวทั้งจากสื่ออเมริกันและไต้หวันว่าเธออาจจะ “แวะ” มาไต้หวันเพื่อไม่ให้เสียฟอร์มของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์บางคนบอกว่า เธออาจจะปรับแผนใหม่...เยือน 4 ประเทศเอเชีย “อย่างเป็นทางการ”
และอาจแวะมาไต้หวัน “อย่างไม่เป็นทางการ”
ขณะที่เขียนอยู่ก็มีข่าวว่ามีการจองโรงแรมห้าดาวที่ไทเปสำหรับคณะของเพโลซี...เท่ากับบอกว่าเธออาจจะ “แวะ” มาอย่างไม่เป็นทางการหรือเปล่า
แต่นั่นก็จะเสี่ยงเกินไปสำหรับคณะ ส.ส. จากรัฐสภาสหรัฐฯ เพราะครั้งนี้จีนอาจจะไม่ใช่แค่ขู่
คราวนี้จีนไม่อาจจะยอมให้เพโลซีและคณะ ส.ส.สหรัฐฯ ที่มีตำแหน่งแห่งหนค่อนข้างอาวุโสมาเหยียบแผ่นดินไต้หวันโดยไม่ทำอะไรที่จะทำให้ประชาชนคนจีนเห็นว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มี “น้ำยา” จริง
เพราะปีนี้มีความสำคัญต่ออนาคตการเมืองของสี จิ้นผิง เป็นอย่างยิ่ง
ปลายปีนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะประชุมใหญ่เพื่อต่ออายุตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งสมัย
นั่นแปลว่า เขาจะเป็นผู้นำที่มีอำนาจเกือบเบ็ดเสร็จที่ควบทั้งพรรค, รัฐบาล, นิติบัญญัติและกองทัพ
อะไรที่ทำให้ดูประหนึ่งว่าโลกตะวันตกสามารถ “เหยียบจมูก” ของสี จิ้นผิง ได้ย่อมจะเป็นภัยต่อสถานภาพทางการเมืองของเขาอย่างแน่นอน
สำหรับเพโลซี การจะถอยกรูดก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับเธอ
เพราะเธอก็ไม่อาจจะถูกมองว่าเมื่อปักกิ่งขู่ เธอก็วิ่งหนีทันที ทั้งๆ ที่เธอได้แสดงจุดยืนสนับสนุนไต้หวันและต่อต้านปักกิ่งในประเด็นเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมาตลอด
สำหรับเพโลซี การไม่เอ่ยถึงไต้หวันในกำหนดการเยือนเอเชียรอบนี้จึงอาจจะเป็นการ “ถอยเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมือง” ก็ได้
จึงยังต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวทั้งฝั่งวอชิงตันและปักกิ่งอย่างใกล้ชิด
แถลงการณ์จากสำนักงานของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แจ้งว่า
“ประธานสภาฯ Nancy Pelosi เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไปเยือนภูมิภาคอินโดแปซิฟิก รวมถึงสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น”
สี จิ้นผิง เตือนโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่พูดคุยกันผ่านวิดีโอว่าวอชิงตันควรปฏิบัติตามหลักการจีนเดียวและ
"ใครเล่นกับไฟก็จะถูกเผาผลาญพินาศ"
ไบเดนบอกผู้นำจีนว่า นโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันไม่ได้เปลี่ยนแปลง (คือเคารพในนโยบายจีนเดียว แต่ก็มีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องช่วยไต้หวันป้องกันตัวเองจากการรุกรานจากภายนอก)
ไบเดนย้ำกับสี จิ้นผิง ว่าวอชิงตันยืนหยัดคัดค้านความพยายามของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ (status quo) หรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน
ความหมายก็คือสหรัฐฯ เตือนจีนว่าอย่าได้คิดจะยกพลขึ้นบกเพื่อยึดไต้หวัน
เพราะนั่นเท่ากับเป็นการ “เปลี่ยนแปลงสถานภาพด้วยกำลังโดยพลการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
จีนโต้กลับว่า เรื่องไต้หวันเป็น “กิจการภายใน” ของประเทศจีน ไม่ใช่กงการอะไรของประเทศข้างนอกอย่างสหรัฐฯ ที่จะมาแทรกแซงหรือบงการว่าจีนจะมีแนวทางการแก้ปัญหาระหว่างปักกิ่งกับไทเปอย่างไร
จึงเห็นได้ชัดว่าผลการพูดคุยครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 5 ตั้งแต่ไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ)
โฆษกกองทัพอากาศจีน เซิน จินเค่อ อ้างคำพูดของสื่อของรัฐเมื่อวันอาทิตย์ว่าปักกิ่งจะ “ปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเด็ดเดี่ยว”
เซินบอกว่ากองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่หลายประเภทที่สามารถโคจรรอบ "เกาะอันมีค่าของมาตุภูมิของเรา"
ไม่ต้องถามเพิ่มเติมก็รู้ว่าเขาหมายถึงไต้หวัน
เขาย้ำว่า "กองทัพอากาศจีนมีเจตจำนงที่มั่นคง มีความมั่นใจเต็มที่ และมีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน"
พูดแบบชาวบ้านก็คือ “ใครอย่ามาแหยมเป็นอันขาด ได้เจอดีกันแน่”
ไม่เพียงแต่เท่านั้น หน่วยกองทัพปลดแอกประชาชนยังใช้โซเชียลมีเดียในการแสดงจุดยืนเพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังอเมริกา
โดยขึ้นข้อความใน Weibo สื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางของจีนที่คล้ายกับ Twitter เมื่อวันศุกร์ว่า : "เตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม!"
นักวิจารณ์ชาวจีนผู้มีชื่อเสียง Hu Xijin (อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ กระบอกเสียงของรัฐบาล The Global Times) กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เขาลบทวีตเตือนการตอบโต้ทางทหารหากเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐคุ้มกันเพโลซีในการเยือนไต้หวันหลังจากที่ Twitter บล็อกบัญชีของเขา
หู ซีจิ้น เป็นมือตอบโต้คนสำคัญของฝ่ายจีนในโซเชียลมีเดียกับสหรัฐฯ และโลกตะวันตกอย่างแข็งขันมาตลอด
พอเพโลซีไม่เอ่ยถึงไต้หวันในตารางการเยือนเอเชีย เขาก็ขึ้นข้อความในทวิตเตอร์ว่า
“เพโลซีหายไปไหน หรือแอบนั่งเรือดำน้ำมาโผล่ที่ไต้หวัน...หรือเธออาจปลอมตัวเป็นคนอื่นเพื่อมาเยือนไต้หวัน”
เป็นการแซะแบบเจ็บแสบที่เราไม่ค่อยได้เห็นได้ยินในแวดวงสื่อทางการจีนมาก่อนหน้านี้
จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวบอกว่าสหรัฐฯ ไม่พบหลักฐานว่าปฏิบัติการทางทหารของจีนต่อไต้หวัน
แปลว่ายังไม่เห็นสัญญาณว่าจีนจะบุกไต้หวันในช่วงนี้
แต่บรรดานักวิเคราะห์ด้านยุทธศาสตร์ทางทหารของสหรัฐฯ ล้วนเห็นพ้องกันว่าจีนซ้อมรบบ่อยและคึกคักขึ้นในช่วงหลังโดยมุ่งเน้นไปยังปฏิบัติการเพื่อยกพลขึ้นบกไต้หวันในกรณีที่จำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนั้น
ระดับความตึงเครียดที่ช่องแคบไต้หวันยังไม่อยู่ในระดับสูง...ตราบที่ยังมีคนเชื่อว่า
ถ้ารัสเซียบุกยูเครนได้ ทำไมปักกิ่งจะยกพลขึ้นบกไต้หวันไม่ได้!
แม้จะมีความแตกต่างระหว่างสองกรณีนี้อย่างชัดเจนในหลายประเด็น แต่คนที่พยายามจะเปรียบเทียบปูตินกับสี จิ้นผิง ในแง่มุมของความเด็ดเดี่ยวและหนักหน่วงก็ยืนยันว่า
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความผันผวนวันนี้!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex
อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง
คณะรัฐมนตรีสงครามหรือ War Cabinet ของอิสราเอลประชุมกันเคร่งเครียดมาหลายรอบ...สรุปได้เพียงว่าจะต้องตอบโต้อิหร่านแน่...แต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่และด้วยยุทธการแบบใด
สิงคโปร์ผลัดใบการเมืองครั้งสำคัญ ‘หลี่’ (72) ส่งไม้ต่อ ‘หว่อง’ (52)
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ Lawrence Wong ที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ต้องถือว่ามาจากครอบครัวชนชั้นทำงานจริง ๆ
“เซฟโซน” ฝั่งเมียวดีอาจจะเป็น ก้าวเล็กๆ ของกระบวนการเจรจา?
ความเคลื่อนไหวตรงข้ามชายแดนไทยฝั่งพม่ามีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และความไม่แน่นอนนี้เองที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ
ไบเดนควงคิชิดะ มาร์กอสประกาศสกัดการขยายอิทธิพลจีน!
ผมเห็นนายกฯฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นปราศรัยต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯเป็นภาษาอังกฤษปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวหาจีนว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” แล้วก็พอจะรู้ว่าความตึงเครียดจะต้องถูกยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน
ปูติน-คิม: ยิ่งโลกยุ่ง สองสหายยิ่งแน่นแฟ้น
ยิ่งนับวันเกาหลีเหนือก็ยิ่งขยับใกล้รัสเซียมากขึ้น...หลักฐานอาวุธจากเปียงยางไปปรากฏในสมรภูมิยูเครนตอกย้ำว่า “คิม จองอึน” กับ “วลาดิมีร์ ปูติน” กำลังสานสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้นทุกวัน