ถ้าคิมส่งทหารไปรบ ข้างรัสเซียที่แนวรบยูเครน?

ภาพของคิมจองอึนกับทหารแพทย์ดูแปลก ๆ แต่เป็นความจงใจของท่านผู้นำเกาหลีเหนือที่ต้องการสร้างความแตกต่าง

เพราะนี่คือโอกาสการประกาศ “ชัยชนะเหนือโควิด” ของเปียงยางเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังจากมีข่าวว่าเกาหลีเหนือพร้อมจะส่งทหาร 100,000 คนในช่วยรัสเซียรบในยูเครน

และอาจจะคนงานไป 1,000 คนเพื่อช่วยฟื้นฟูเขตดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนที่ทหารรัสเซียยึดครองอยู่

เพราะเกาหลีเหนือยืนอยู่ข้างเดียวกับรัสเซียในการรับรอง “สาธารณรัฐประชาชนโดเนสท์” และ “สาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์” ที่ประกาศแยกตัวออกจากยูเครน

หากทหารเกาหลีเหนือไปรบในยูเครนจริงก็จะเป็นเรื่องน่าหวาดเสียว

เพราะจะเป็นทหารต่างชาติจากเอเซียที่บินข้ามห้วยไปรบในสมรภูมิยุโรปที่จะเกิดภาพการโยงใยระหว่างวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีกับยูเครนขึ้นมาทันที

ในขณะที่ยังมีความตึงเครียดอยู่รอบ ๆ เกาะไต้หวัน

และเปียงยางได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนปักกิ่งประณามการไปเยือนไต้หวันของคณะผู้แทนจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ

นั่นย่อมแปลว่าจีน, รัสเซียและเกาหลีเหนือยืนอยู่ข้างเดียวกันในข้อพิพาทระดับโลกในทุกกรณี

เป็นการจัดระเบียบโลกใหม่ขึ้นมาอย่างเป็นทางการที่จะนำไปสู่ความบาดหมางที่มีแนวโน้มไปสู่ความรุนแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้

ไม่เพียงแต่เท่านั้น เกาหลีเหนือก็เพิ่งจะออกมาเผชิญหน้ากับเกาหลีใต้อย่างเปิดเผยและดุเดือด

น้องสาวของคิมจองอึนออกมาประกาศไม่ขอรับข้อเสนอช่วยเหลือเศรษฐกิจจากเกาหลีใต้

และสำทับกับผู้นำเกาหลีใต้ให้ “อยู่เงียบ ๆ”

หรืออีกนัยหนึ่งคือให้ “หุบปาก” เสีย

คิมโยจอง น้องสาวของ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดรุ่นที่ 3 ของเกาหลีเหนือออกมาประกาศอย่างดุดันว่าเกาหลีเหนือไม่ขอรับข้อเสนอของประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้ ที่บอกว่าจะมอบความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจให้แก่โสมแดง

เป็นข้อเสนอจากกรุงโซลเพื่อแลกกับการยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์

คิมโยจองกำลังมีบทบาทสำคัญขึ้นทุกวัน ซึ่งทำให้เห็นได้ว่าเธอกำลังจะเป็นมือขวาของท่านผู้นำอย่างเป็นทางการ

และยังจะกลายเป็น “โฆษกส่วนตัว” ของคิมจองอึนที่มีน้ำเสียงกร้าวขึ้นทุกวันด้วย

เธอย้ำว่าประธานาธิบดียุนซอกยอลของเกาหลีใต้พูดจาไร้สาระ และไม่ควรจะเอ่ยเอื้อนอะไรออกมาให้น่ารำคาญอีก

วาทะที่แข็งกร้าวจากน้องสาวของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากยุนซอกยอลได้นำเสนอแนวทาง “ปรองดอง” ระหว่างการแถลงข่าวในโอกาสครบรอบ 100 วันของการเข้ารับตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานถ้อยแถลงของคิมโยจองว่า “ภาพลักษณ์ของยุนซอกยอลจะดีกว่านี้มากถ้าเขาหุบปากอยู่เงียบๆ แทนที่จะพูดอะไรไร้สาระ”

และยังสำทับด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถางว่าผู้นำเกาหลีใต้มีความคิด “ใสซื่อไร้เดียงสา” ที่บังอาจคิดว่าตนเองมีอำนาจมากพอที่จะสามารถเสนอความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ

เพื่อให้เปียงยางยอมก้มหัวให้

พูดง่าย ๆ คือเมินเสียเถอะ...อย่าได้คิดว่าเกาหลีใต้จะอยู่ในฐานะที่รวยกว่าเก่งกว่าที่จะช่วยเปียงยางได้

เธอย้ำว่า "ไม่มีใครยอมแลกชะตาชีวิตของตัวเองกับเค้กข้าวโพด" 

และยืนยันว่าชัดถ้อยชัดคำว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยอมพบหน้าประธานาธิบดียุน เพื่อเจรจานิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด

ที่กรุงโซล ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงเสียใจต่อการใช้ถ้อยคำ "หยาบคาย" ของระดับนำของเกาหลีเหนือ

สรุปว่าโดยเนื้อหาไม่มีอะไรใหม่ ความพยายามของฝ่ายใต้ที่จะ “ล่อ” ให้ฝ่ายเหนือยอมเลิกพัฒนาอาวุธร้ายแรงเพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจก็มีอันพับไปอีกครั้งหนึ่ง

ที่จะแตกต่างคราวนี้ก็คือภาษาและลีลาของทั้งฝ่ายมีความก้าวร้าวต่อกันมากขึ้น

สะท้อนถึงดีกรีแห่งความขัดแย้งในเอเซียที่หนักหน่วงขึ้นเพราะกรณีไต้หวัน, สงครามยูเครนและการแบ่งขั้วที่ชัดเจนขึ้นระหว่างตะวันตกกับซีกของจีน, รัสเซียและเกาหลีเหนือ

จะว่าไปแล้วนี่ก็นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือแสดงปฏิกิริยาต่อข้อเสนอให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโสมขาวนับตั้งแต่เขาเสนอแผนนี้ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

และเสนอซ้ำอีกครั้งในโอกาสครบ 100 วันแรกการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้

ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกว่าผิดหวังที่เกาหลีเหนือยังคงใช้ภาษาที่หยาบคายไม่หยุดหย่อนโดยระบุชื่อประธานาธิบดีเกาหลีใต้โดยตรง และยังคงแสดงเจตนาที่จะพัฒนานิวเคลียร์ต่อไป

แต่จุดยืนของเกาหลีใต้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการยืนยันให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลี ผ่านแผนการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดียุน

กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ที่ดูแลความสัมพันธ์ 2 เกาหลี ตำหนิถ้อยคำของน้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือว่า ไร้ความเคารพยำเกรงและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

เนื้อหาหลักจากเกาหลีใต้ที่เสนอความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือของผู้นำเกาหลีใต้เช่นนี้ไม่ต่างกับข้อเสนอที่แล้ว ๆ มาของผู้นำเกาหลีใต้คนก่อน ๆ

อีกทั้งยังเหมือนกับแนวทางของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่เคยเสนอต่อ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือในการประชุมสุดยอดเมื่อหลายปีก่อนด้วย

แต่แม้คิมกับทรัมป์จะเจอกันอย่างน้อย 3 รอบก็ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

จุดยืนของผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่น่าสนใจตรงที่ว่าด้านหนึ่งเขาดูเหมือนยอมใช้ไม้อ่อนกับเกาหลีเหนือด้วยการยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ให้กับอีกฝ่าย

แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็ได้สนับสนุนให้กองทัพเกาหลีใต้เสริมแสนยานุภาพทางทหารเพื่อป้องปรามต่อเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน

อีกทั้งยังประกาศกลับมาซ้อมรบร่วมกับพันธมิตรอย่างสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ภายใต้ภารกิจที่มีชื่อว่า Ulchi Freedom Shield ในวันที่ 22 สิงหาคม - 1 กันยายนนี้

ก็ด้วยเรื่องนี้แหละที่ทำให้เกาหลีเหนือมองว่า แนวทางด้านการทูตของเกาหลีใต้แท้จริงก็ไม่ได้มีความจริงใจต่อกัน

ที่ชัดเจนก็คือคิมโยจองเริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

ดูเหมือนเธอมักจะสวม “บทโหด” ด้วยภาษาเชือดเฉือนเกาหลีใต้อย่างรุนแรงตลอด

ซึ่งนักสังเกตการณ์บอกว่าอาจจะแตกต่างจากท่าทีของคิมจองอึนผู้พี่ที่บางครั้งก็แสดงบทที่เบาลงบ้างในบางกรณี

พี่กับน้องแบ่งหน้าที่กันทำ

แต่เป้าหมายเหมือนเดิมทุกประการ...ทราบแล้วแต่ไม่เปลี่ยน!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จีน-อินเดีย: 'สันติภาพร้อน' ที่ทำให้ร่วมแก้วิกฤตพม่าไม่ได้

วิกฤตพม่าทำให้ผมคิดถึงความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียวันนี้ เพราะหากสองยักษ์แห่งเอเชียทำงานร่วมกัน ไทยก็อาจจะเป็นมือประสานให้เกิดกระบวนการเจรจาในพม่าได้

บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex

อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง

คณะรัฐมนตรีสงครามหรือ War Cabinet ของอิสราเอลประชุมกันเคร่งเครียดมาหลายรอบ...สรุปได้เพียงว่าจะต้องตอบโต้อิหร่านแน่...แต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่และด้วยยุทธการแบบใด

สิงคโปร์ผลัดใบการเมืองครั้งสำคัญ ‘หลี่’ (72) ส่งไม้ต่อ ‘หว่อง’ (52)

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ Lawrence Wong ที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ต้องถือว่ามาจากครอบครัวชนชั้นทำงานจริง ๆ

“เซฟโซน” ฝั่งเมียวดีอาจจะเป็น ก้าวเล็กๆ ของกระบวนการเจรจา?

ความเคลื่อนไหวตรงข้ามชายแดนไทยฝั่งพม่ามีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และความไม่แน่นอนนี้เองที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ

ไบเดนควงคิชิดะ มาร์กอสประกาศสกัดการขยายอิทธิพลจีน!

ผมเห็นนายกฯฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นปราศรัยต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯเป็นภาษาอังกฤษปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวหาจีนว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” แล้วก็พอจะรู้ว่าความตึงเครียดจะต้องถูกยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน