คิม: ใครคิดจะโค่นข้าฯ เจออาวุธนิวเคลียร์แน่!

คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือไม่ได้พูดเล่น

รัฐสภาตรายางที่เปียงยางเพิ่งผ่านกฎหมายฉบับใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผลเท่ากับว่า

เกาหลีเหนือพร้อมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มใครก่อนก็ได้หากเปียงยางเห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่อคิม จองอึน ในฐานะผู้นำประเทศ

เป็นการเปลี่ยนเกมกะทันหัน...จากที่เป็นการประกาศว่ามีอาวุธนิวเคลียร์เพื่อตั้งรับและตอบโต้

กลายเป็นทำให้เกาหลีเหนือเป็น “รัฐนิวเคลียร์” อย่างสมบูรณ์แบบ

ภาษานิวเคลียร์เรียกอำนาจการโจมตีก่อนว่าเป็น first strike

และมีคำว่า pre-emptive strike ซึ่งแปลว่าชิงโจมตีก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะโจมตีตัวเอง

ความหมายของกฎหมายฉบับใหม่ของเกาหลีเหนือคือเป็นได้ทั้งสองอย่าง

คือไม่ต้องรอให้มีหลักฐานว่ากำลังถูกโจมตี (จะด้วยอาวุธอะไรก็ตาม) ที่อาจจะนำมาซึ่งการล่มสลายของระบอบปัจจุบันหรือสงสัยว่าจะเป็นแผนการโค่นคิม จองอึน ลงจากอำนาจ...เปียงยางก็จะกดปุ่มถล่มฝ่ายตรงข้ามด้วยนิวเคลียร์ได้ทันที

และไม่ต้องสงสัยว่าเป้าหมายนั้นคือสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เป็นหลัก

เป็นช่วงเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ, ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มาพบกันเพื่อประกาศว่าจะร่วมมือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อสกัดกั้นความพยายามของเปียงยาง ที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศติดอาวุธนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ

คิม จองอึน ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เขาจะไม่มีวันยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ 

และจะไม่ใช้ประเด็นนี้เป็นเครื่องต่อรองเจรจากับใครทิ้งสิ้น

แปลว่าเกาหลีเหนือต้องเป็น “รัฐนิวเคลียร์” จึงจะอยู่รอด

เพราะคิม จองอึน กลัวว่าจะโดนชะตากรรมแบบเดียวกับซัดดัม ฮุสเซน ของอิรักและกัดดาฟีของลิเบีย...ที่ถูกสหรัฐฯ โค่นจากอำนาจและถูกปลดชีพต่อมาภายหลัง

 เขาเคยบอกว่าถ้าสองผู้นำนั้นมีอาวุธนิวเคลียร์ สหรัฐฯ ก็ไม่กล้าจะจัดการเก็บพวกเขา

คิมจึงต้องสร้างอำนาจต่อรองด้วยนิวเคลียร์

และไม่สนใจว่าสหประชาชาติหรือประชาคมโลกจะประณามหรือคว่ำบาตรตนแต่อย่างไร

คำประกาศกร้าวของคิมเป็นสัญญาณล่าสุดที่จะยืนหยัดและปักหลักสู้สหรัฐฯและพันธมิตรทั้งหลาย

คิมให้ “สมัชชาประชาชนสูงสุด” ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติสูงสุดของประเทศผ่านกฎหมายฉบับใหม่ออกมาสัปดาห์ก่อนที่มีสาระสำคัญคือ การยกย่องเชิดชูสถานภาพของอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างเปิดเผย

สื่อ KCNA ทางการเปียงยางรายงานว่า ผู้นำคิมประกาศว่า เกาหลีเหนือ “จะไม่ยอมละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ และไม่มีแผนปลดนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาด ทั้งยังจะไม่มีการเจรจา และไม่มีการต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรทั้งนั้น”

คิมชี้นิ้วด่าสหรัฐฯ ว่าพยายามโค่นรัฐบาลของตนด้วยการกดดันให้ยอมยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ 

เขาย้ำว่านโยบายของวอชิงตันเรื่องนี้ต้องล้มเหลวในที่สุด

ย้อนกลับไปก็จะเห็นหลักฐานชัดเจนว่าเปียงยางไม่สนใจที่จะหาทางตกลงอะไรกับใครทั้งสิ้น

เกาหลีเหนือล้มโต๊ะการหารือประเด็นนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 

จากนั้นก็กลับไปทดสอบยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง 

ยิ่งปีนี้ยิ่งทำการทดสอบถี่เป็นประวัติการณ์

ข่าวกรองสหรัฐฯ บอกว่าเกาหลีเหนือเตรียมการที่จะทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 ในเร็วๆ นี้

                    เนื้อๆ ของกฎหมายใหม่ฉบับนี้บอกว่าเกาหลีเหนือจะโต้ตอบการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หากประเทศของตนถูกโจมตีโดย “กองกำลังศัตรูที่มุ่งร้าย” 

อีกทั้งยังมีการวาด “ฉากทัศน์” หลายรูปแบบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เกาหลีเหนือต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อสกัดกั้นความพยายามจากศัตรูภายนอก

แม้จะมีข้อความในกฎหมายฉบับนี้ว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์จะเป็น “ทางเลือกสุดท้าย” แต่ก็ตอกย้ำว่าอาวุธนิวเคลียร์มีความสำคัญต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเกาหลีเหนือเป็นอย่างยิ่ง

คิมกล่าวในคำปราศรัยยืนยันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายนิวเคลียร์ไปตาม “เงื่อนไขสภาพแวดล้อมทางทหารและการเมืองในคาบสมุทรเกาหลี” 

และไม่สนใจว่าสถานการณ์โลก ณ จุดอื่นๆ จะเป็นเช่นไร

เพราะถือว่าทุกอย่างจะถูกกำหนดโดยทิศทางของตนเท่านั้น

ในสัปดาห์เดียวกันนั้นตัวแทนของสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ก็นัดพบกันที่โตเกียวเพื่อตั้งรับภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ในภาพจะเห็นตัวแทนพิเศษจากอเมริกาว่าด้วยกิจกรรมเกาหลีเหนือ Sung Kim (ซ้าย)

กับอธิบดีว่าด้วยกิจการเอเชีย Takehiro Funakoshi (กลาง)

และตัวแทนพิเศษเกาหลีใต้ว่าด้วยกิจกรรมคาบสมุทรเกาหลี Kim Gunn 

ทั้งสามยืนยันที่จะกระชับความร่วมมือเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ รวมทั้งการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่ของเปียงยาง

 โดยเน้นความพยายามในการเพิ่มความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภยันตรายจากนโยบายแข็งกร้าวต่อเนื่องของเกาหลีเหนือ

ตัวแทนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือแบบทวิภาคีและไตรภาคีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

เหตุที่ต้องย้ำเรื่องนี้ เพราะในอดีตญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้มีความระหองระแหงกันค่อนข้างหนัก เพราะญี่ปุ่นเคยปกครองคาบสมุทรเกาหลีเป็นเวลายาวนาน

ฝ่ายญี่ปุ่นย้ำประเด็นสำคัญของความร่วมมือสามฝ่ายครั้งนี้คือการรับมือกับเกาหลีเหนือ

เพราะมีสัญญาณชัดเจนว่า คิม จองอึน กำลังเร่งพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างไม่หยุดยั้ง

 สามประเทศนี้เพิ่งจะมีการซ้อมรบร่วมที่เกาะฮาวายเมื่อเดือนที่แล้ว

โดยเน้นการฝึกไปที่การป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ

ครั้งล่าสุดที่คิมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์คือปี ค.ศ.2017 

มีสัญญาณว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการทดสอบรอบใหม่เร็วๆ นี้

ทูตพิเศษจากสหรัฐฯ ว่าด้วยกิจการเกาหลีเหนือบอกว่า ทั้งสามประเทศต้องเตรียมพร้อมรับมือการยั่วยุของเกาหลีเหนือ และปกป้องพันธมิตรในภูมิภาคนี้ 

แต่ก็ยังยืนยันว่ายังเปิดประตูให้มีการเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างไร้เงื่อนไข

 คิมเคยประกาศชัดๆ ว่าไม่ต้องพูดถึงการเจรจาเพราะเสียเวลา และไม่เชื่อว่าอเมริกามีความจริงใจที่จะพูดจากันอีกแล้ว

ผู้แทนพิเศษของเกาหลีใต้เรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามมาตรการลงโทษต่อเกาหลีเหนือภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด

แต่ก็คงเป็นเพียงถ้อยแถลงทางการเท่านั้น ในทางปฏิบัตินั้นเป็นที่รู้กันว่าความพยายามเช่นว่านี้ล้มเหลวมาตลอด

และพอคิมประกาศล่าสุดว่าพร้อมจะกดปุ่มนิวเคลียร์ก่อน...ก็เท่ากับว่าคาบสมุทรเกาหลีกำลังจะกลายเป็น “ชนวนระเบิดลูกใหญ่” ขึ้นมาทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มะกันทุ่ม 3.5 ล้านล้านบาท ให้ยูเครน, อิสราเอล, ไต้หวัน!

งบประมาณก้อนใหญ่ที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติเพื่อช่วยยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะช่วยลดความกังวลของยูเครนว่ากำลังจะแพ้สงครามได้หรือไม่...ยังต้องคอยดูของจริงในสมรภูมิรบต่อไป

เชื่อไหม:อิสราเอลกับ อิหร่านเคยรักกัน?

อิสราเอลกับอิหร่านเปิดศึกสงครามที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกวันนี้ มีคำถามว่าทั้ง 2 ชาตินี้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างรุนแรงเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเหตุผลแห่งความบาดหมางกันอย่างไร

จีน-อินเดีย: 'สันติภาพร้อน' ที่ทำให้ร่วมแก้วิกฤตพม่าไม่ได้

วิกฤตพม่าทำให้ผมคิดถึงความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียวันนี้ เพราะหากสองยักษ์แห่งเอเชียทำงานร่วมกัน ไทยก็อาจจะเป็นมือประสานให้เกิดกระบวนการเจรจาในพม่าได้

บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex