เพิ่งรู้นะเนี่ย.....
ว่าชื่อ "เปลว สีเงิน" ใช้หลอกคนได้เหมือนกัน!
คือไม่รู้ว่าใคร ใช้ชื่อผม....
ไปเขียนเกี่ยวกับทักษิณ และโยงถึงคนโน้น-คนนี้ เป็นตุ-เป็นตะ แล้วบอกเป็น "เปลว สีเงิน"
แฟนคลับ เมสเสจมาให้อ่าน ถามว่าใช่ผมเขียนมั้่ย ก็ตอบไปตามตรงว่า "ไม่ใช่" ใครก็ไม่รู้เขียน แล้วอ้างชื่อ
เรื่องแอบอ้างชื่อ "เปลว สีเงิน" เขียนโน่น-นี่
มันมีบ่อยจนผมคร้านจะสนใจ!
อีกอย่างผมก็ไม่เข้าใจ อ้างชื่อผมแล้วมันได้อะไรขึ้นมา?
เพราะผมไม่ใช่ "พ่อของฟ้า" ที่ใครจะมากรีดร้อง "ฟ้าเชื่อพ่อ" ก็แค่ "ไอ้แก่คร่ำครึ" ที่ยึดมั่นในจารีตประเพณี
แถมตกยุค ไม่จ๊าบเหมือนคนหัวใหม่ ที่กลับบ้าน...เจอพ่อ ตบกระบาลเพียะ...สบายดีหรือเกลอ
เพราะเป็น "คนเท่ากัน"!
แต่ข้อความที่อ้างชื่อผมรายนี้ น่าจะถูกเผยแพร่ไปมาก เพราะข้อความนั้น มีเสียงถามสะท้อนย้อนกลับมาที่ผมมากราย
จึงขอรวบยอดตอบตรงนี้ว่า........
"เปลว สีเงิน" ของแท้ มีที่ไทยโพสต์ กับที่เว็บ "เปลว สีเงิน" เท่านั้น!
พบที่แอบอ้างชื่อผมเขียน สงสัย ก็ขอให้เมสเสจมาถาม เราแฟนกัน ถามกันได้อยู่หรอก
ส่วนที่มีผู้นำจากไทยโพสต์ไปอ่านในรายการวิทยุบ้าง โทรทัศน์บ้าง นำไปลงยูทูบบ้าง
นั่นก็คนในแวดวงสื่อด้วยกัน เขาอ่านจากที่ผมเขียน มีหลักฐานยืนยันอยู่ ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
แต่ขอให้เข้าใจว่า ทุกรายการที่นำข้อเขียนผมไปทำเป็นรายการประจำ ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งไม่เคยมีรายไหนมาขออนุญาตก่อนด้วยซ้ำ
ก็ "ไม่ว่ากัน" อีกนั่นแหละ!
ที่พูดเช่นนี้ เพราะมีบางรายการ นำโลโก้คอลัมน์ไปใช้ด้วย แล้วแจ้งเบอร์ "ขอสนับสนุนรายการ" ทำให้มีคนเข้าใจผิด
ก็ขอให้ "เข้าใจใหม่" ให้ถูกว่า..........
เป็นรายการของเขาเอง ผมไม่เกี่ยว เพียงเขาเอาทั้งรูปลักษณ์คอลัมน์ ทั้งข้อความไป "ทำเอง-อ่านเอง"
แต่ผมก็ยินดีนะ!
อะไรที่พอให้เพื่อนพ้องน้องพี่ เอาไปทำประโยชน์ได้บ้าง ก็เชิญเลย แต่ถ้าถูกฟ้องร้องจากเรื่องที่เอาไปอ่าน อย่ามาบ่นว่า "ซวยเพราะผม" ก็แล้วกัน!
ครับ...ก็เล่าสู่กันฟัง พอดีท่าน ส.ว. "พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร" ไลน์มาเล่าสู่กันฟังเหมือนกัน
แต่เรื่องนี้ "สำคัญ" มาก แต่ถูก "มองข้าม" มาตลอด
จึงขออนุญาต ส.ว. "พล.ต.ท.ศานิตย์" นำเรื่องที่ท่าน "ทำหน้าที่" ที่ผมต้องขออนุโมทนา มาเผยแพร่ อาจเป็นอีกทางช่วยให้เรื่องนี้เร็วขึ้น
...................................
เล่าสู่กันฟัง…!!!อีกครั้ง
“Justice delayed is justice denied.”
“ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม”
กรณีที่ "กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" (ทส.) กำลังพิจารณาดำเนินการ
เก็บเงินเป็นค่าปลูกป่าฯ จากวัด, สำนักสงฆ์, ที่พักสงฆ์ ไร่ละ 11,360 บาท (เดิม 10,960 บาท) โดยอ้างมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2556 นั้น
ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างใหญ่หลวงต่อพระที่ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ซึ่งท่านได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่อยู่ก่อน
และได้ดูแลรักษาป่า ไม่ให้มีใครมาตัดไม้ทำลายป่า ทั้งบวชป่า ปลูกป่า ตลอดจนป้องกันไฟป่า ได้เป็นอย่างดี
แต่อยู่ๆ ท่านกลับต้องมาหาเงินให้ ทส.ดังกล่าว ซึ่งบางแห่งที่เป็นพุทธอุทยาน มีพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ จึงต้องเสียค่าใช้จ่ายกว่า 10 ล้านบาท
ซึ่งผมเห็นว่า มันไม่ยุติธรรมแก่พระ เพราะมติ ครม.ดังกล่าวน่าจะใช้กับหน่วยงานรัฐ ที่ไปขอใช้ที่ปลูกสร้างอาคารหรือทำประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ
อาจต้องตัดไม้บริเวณที่ขอใช้พื้นที่ จึงจำเป็นต้องปลูกป่าทดแทน มิฉะนั้นป่าไม้จะค่อยๆ หมดไป
มติ ครม.จึงต้องให้ "สำนักงบประมาณ" จัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานรัฐนั้นๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทน
แต่ไม่ใช่มาใช้กับวัด....
ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่มาก่อน และช่วยดูแลป้องกันรักษาป่าให้ดังกล่าว
ทั้งนี้ สังเกตได้จากบริเวณวัด โดยเฉพาะพุทธอุทยานจะเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจีที่สมบูรณ์
แต่พอออกไปนอกวัด นอกเขตพุทธอุทยาน จะมีแต่ความแห้งแล้ง แทบไม่มีไม้ยืนต้นให้ได้เห็น
อีกทั้งวัดเองก็ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ "สำนักงบประมาณ" จะจัดสรรงบประมาณปลูกป่าให้
ดังนั้น การที่ ทส.จะมาเก็บเงินจากวัดจึงไม่ยุติธรรม และนำมาซึ่งความทุกข์ของพระอย่างใหญ่หลวงนั่นเอง
เพราะพระไม่รู้จะไปหาเงินจากไหน.....
จะอาศัยเงินจากญาติโยมก็ลำบากยากเข็ญอยู่แล้ว
เมื่อผมทราบเรื่องนี้ จึงได้รีบทำการศึกษาเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2563 โดยได้ลงพื้นที่กว่า 3 ครั้ง
เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 7 หน่วย 28 คน รวมทั้งพระด้วย มาสอบถามให้ความเห็น
ได้ข้อสรุปร่วมกัน ว่า.....
จะให้ ทส.ยกเว้นค่าปลูกป่าฯ ให้ศาสนสถานโดยเร็ว!
แต่เวลาผ่านมานานกว่า 2 ปีก็ยังไม่มีความคืบหน้า ผมจึงยื่นกระทู้ถึง รมว.ทส.(วราวุธ ศิลปอาชา) เพื่อให้ท่านมาตอบในสภา
ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ท่านจึงมาตอบกระทู้เมื่อ 13 ธ.ค.64
โดยท่านได้รับปากว่า.........
"จะรีบนำเรื่องนี้เข้า ครม.เพื่อรับทราบโดยเร็ว คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1-2 เดือน"
แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เข้า ครม. ผมเห็นว่าความล่าช้าจะเกิดความเสียหาย เพราะความทุกข์ของพระยังคงอยู่ (ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม)
จึงต้องหาทางเร่งรัดเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่พระ
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 29 ส.ค.และ 5 ก.ย.65 ผมได้ยื่นกระทู้วาจาถึง รมว.ทส. เพื่อเร่งรัดการยกเว้นค่าปลูกป่าฯ แต่ท่าน รมว.ทส."ติดราชการ"
วันจันทร์ที่ 12 ก.ย.65 ผมจึงยื่นกระทู้วาจาอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่เนื่องจากมีกระทู้วาจาเกิน 3 กระทู้ ประธานวุฒิฯ จึงต้องจับฉลากออก
บังเอิญหวยมาออกที่เรา จึง "ถูกจับออก" ไม่ได้บรรจุ ผมเห็นว่า สมัยประชุมนี้ปิดคงต้องรอเปิดสมัยประชุมหน้า ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2 เดือน
ผมจึงได้ส่งคลิปรายงานผลการศึกษาของ อนุ กมธ. ศาสนา ต่อวุฒิสภาเมื่อ 8 ก.ย.65 เรื่องการจัดตั้ง และการแก้ปัญหาศาสนสถานในสถานที่ราชการ
ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไปให้ท่าน "ดิสทัต โหตระกิตย์" เลขาฯ นายกรัฐมนตรี
ขอให้ท่านช่วยเร่งรัด นำเรื่องยกเว้นค่าปลูกป่าฯ เข้า ครม.ซึ่งท่านได้ตอบรับแล้ว!
ก็คงต้องรอดูว่าจะเข้า ครม.เร็วขึ้นเมื่อใด ซึ่งเมื่อ ครม.รับทราบทุกข์ของพระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและดูแลรักษาป่าไม้อยู่ทั่วประเทศ คงจะหมดไปเสียที
นับเป็นบุญใหญ่ ถือเป็นกุศลอันมหาศาล พวกเราจะได้ร่วมอนุโมทนา สาธุ กันนะครับ
# มุ่งมั่น ตั้งใจ # ทำดีทำได้ ทำทันที
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร
สมาชิกวุฒิสภา
14 ก.ย. 2565
....................................
ผมเห็นด้วย ๑๐๐% ครับ
ทั้้งท่านรัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา และทั้งท่านเลขาฯ นายกฯ "ดิสทัต โหตระกิตย์"
ทางไหนที่ช่วยให้ "ระบบ" เดินได้ ชวยทีเถอะครับ
เป็นเรื่องจริง ถ้าไม่มีพระป่า คือพระสายวิปัสสนา "ผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ" อยู่ในป่า
ทุกวันนี้ ป่า "เหี้ยน" ไปนานแล้ว!
ผมไป "วัดป่าศาลาน้อย" ที่ภูเรือ จังหวัดเลย ๒ หมื่นกว่าไร่ ดำรงสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ ไม่มีใครกล้าลักลอบโค่นไม้
ก็เพราะบารมี "หลวงพ่อนิพนธ์ อภิปสันโน" คุ้มครอง-รักษา!
เคยไปกราบท่านบนเขา ๒-๓ ครั้ง ได้ล้างเท้า-เช็ดเท้าท่าน และได้กินข้าวที่ท่านเมตตาอยู่หลายมื้อ
นั่นก็หลายปีแล้ว
ตอนนั้น หลวงพ่อกำลังสร้างวัด "สมเด็จภูเรือมิ่งเมือง"
ที่ "สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" พระราชทานราชทรัพย์ซื้อที่ดินสำหรับสร้าง
ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ใครก็ต้องตะลึง โบสถ์ไม้สักแกะสลักทั้งหลัง เป็นไม้สักที่จมอยู่ในน้ำโขง หลวงพ่อเก็บสะสมมาเรื่อยๆ
นอกจากไม้สัก ยังมีพระพุทธรูปแกะจากหยกในน้ำโขง น้้ำหนักเป็นร้อยตัน บรรทุกเรือจากพม่ามาแกะสลัก
ทั้งยังมีพระพุทธรูปปาง "พระกริ่งปวเรศ" องค์ใหญ่ เห็นแล้ว เหมือนมีมนตร์ดึงดูดจนละสายตาไม่ได้
"สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" วัดบวรฯ ทรงเป็นประธานสร้าง
ท่านที่เป็นแฟนเพจ "เปลว สีเงิน" เปิดดูต้องเห็น ผมถ่ายรูปมาและใช้เป็นภาพประจำเพจถึงทุกวันนี้
นี่เป็นแค่ ๑ ตัวอย่างที่ผมไปสัมผัสด้วยตา-ด้วยตัว เทือกเขาทั้งเทือก เป็นหมื่นๆ ไร่ ในแถบถิ่นห่างไกลชายแดน ถ้าไม่เพราะพระป่า-พระปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาละก็
ไม่มีเหลือแล้ว!
หรืออย่าง "วัดป่านาคำน้อย" ของ "หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก" ที่นายูง อุดรฯ พันกว่าไร่
นั่นไม่ใช่ป่าของหลวง แต่เป็นที่ดิน "หลวงตาพระมหาบัว" นำญาติโยมซื้อที่ดินรกร้างที่ชาวบ้านขาย มาปลูกไม้จนกลายเป็นป่าขยายไปเรื่อยๆ
แล้วมอบหน้าที่ให้ "หลวงพ่ออินทร์ถวาย" ดูแลรักษา ใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนาสู่วิมุตติ
จนตอนนี้ ที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ต่างป่าดงดิบ สารพัดไม้ สารพัดสัตว์ และแหล่งน้่ำ นั้นเพราะ "พระสร้าง-พระรักษา"
ท่าน ส.ว.ศานิตย์ สร้างกุศลมหาศาลแล้วครับ ที่ทำเรื่องนี้
ยังไงก็ ๑ ตุลา "นายกฯ ลุงตู่" กลับมาจากพักร้อน
รีบให้ ครม.ทำบุญใหญ่ "ตั้งงบบำรุงป่า" ให้พระ
แทนการ "รีดไถพระ" ซะไวๆ เถิด!
วันเสาร์ที่ปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'
ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?
จาก 'แบงก์ชาติ' ถึง 'รัฐบาล'
ขณะนี้..... เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า เศรษฐกิจประเทศไทย "ไม่ได้วิกฤต"
๑ หมื่น 'ไม่ลื่นคอ' นะจ๊ะ
ปกติจ้อจน "จ๋อลพบุรี" ตกต้นไม้ แต่พอถึงเรื่อง "เงินแจก ๑ หมื่น" ชาวบ้านที่ไม่ต่างแมวถูกเศรษฐาเอาปลาย่างทาจมูก ต่างรอฟังผลประชุม ครม.ตกลงจะเคาะแจกวันไหน?
"ขายเพื่อน" ใครจะคบ?
"บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล"สมแล้ว ที่มีคนเรียก "เทพโจ๊ก" บ้าง "มารโจ๊ก" บ้าง "แมวเก้าชีวิต" บ้าง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" บ้าง
'เรามาปฏิวัติกันเถอะ'
รัฐบาลนี้.... ในจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมด ๓๓-๓๔ คน มี "ใหญ่จริง" ที่ได้รับการซูฮกยกเป็น "บิ๊ก" มีอยู่คนเดียว
เปิดใจ-ตรวจการบ้าน รมต.หญิงแกร่ง ‘พิมพ์ภัทรา’
เปิดใจ-ตรวจการบ้าน รมต.หญิงแกร่ง ‘พิมพ์ภัทรา’